BenzSociety ศูนย์รวมพลคนรัก Benz

                                  www.benzsociety.com
 
HomeBenz ShoppingBenzSociety ShowBenz Option ClassifiedsWebboardOffice
Import CarsShow RoomCar Service •  Wheels & Tires  •  Car stereoHome/CondoGolf Society Benz TravelEntertainment
          » แนะนำ Benz รุ่นใหม่..ขณะนี้ » NEW S-CLASS


  NEW S-CLASS
    [ 23/01/2009 ] - [ 3604 ]
 
     ในรถระดับ VIP Class หนึ่งเดียวที่คุณไม่ต้องหาเหตุผลในการที่จะเลือกซื้อ... หรือถ้าหากคุณยังไม่เคยเป็นสาวกของค่ายดาวสามแฉกมาก่อน... คนที่มีระดับอย่างคุณก็ยังมีเหตุผลอีกนับร้อยแปดที่จะหาทางครอบครองมันไว้อีกสักคัน... ลองสำรวจเงินในบัญชีของคุณให้ดี หรือไม่ก็ผลกำไรของบริษัทในปีนี้... เพราะคุณอาจต้องใช้มันแน่ๆ... เมื่อวันที่มันมาถึงเมืองไทย...

...หลังจากที่ได้รับจดหมายเชื้อเชิญให้ไปร่วมทดสอบ Mercedes New S-Class เป็นกลุ่มแรก ในระหว่างวันที่ 15 และ 16 กันยายน ที่ผ่านมา ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ไปลองขับ S-Class ตัวใหม่ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะไปอัดเต็มที่ เพราะด้วยเส้นทางทดสอบที่เป็นทางเปิด ถนนหนทางที่ไม่ค่อยชิน บวกกับรถเป็นพวงมาลัยซ้าย คงทดสอบหาสมรรถนะเต็มที่ไม่ได้ เพราะอันตราย ซึ่งจริง ๆ แล้วสำหรับในบ้านเราคงไม่มีใครเอา S-Class มาอัดแบบเต็มที่เท่าไรนัก แต่ที่ตื่นเต้นก็คือ อยากที่จะได้ลองสัมผัสดูว่า Mercedes-Benz จะทำ New S-Class ออกมาได้ดีและฉีกจากคู่แข่งที่ทยอยกันออกมาล่วงหน้า และแต่ละคันก็ค่อนข้าง Perfect ด้วยกันทั้งนั้น ได้แค่ไหน อย่างไร

ก่อนอื่นก็ขอเกริ่นนำความเป็นมาและข้อมูลคร่าว ๆ ของ Mercedes New S-Class กันก่อนนะครับ...

     เมื่อปี 1998 Mercedes-Benz ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการรถยนต์ทั่วโลก ด้วยการแนะนำ S-Class รุ่นใหม่ ที่พลิกโฉมรูปลักษณ์เต็ม ๆ ให้มีความโฉบเฉี่ยว มีความเป็นสปอร์ตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีอันล้ำสมัยจนสามารถทำยอดผลิตรวมกันทั่วโลกกว่า 485,000 คัน และยังเป็นรถที่ขายดีที่สุดในบรรดาลักชัวรี่คาร์ด้วยกัน

     ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ (ในต่างประเทศ) ก็ถึงเวลาเปลี่ยนโฉมของ S-Class รุ่นใหม่ รถเรือธงหรือ Flagship ประจำค่ายดาวสามแฉกอีกครั้ง และในครั้งนี้เทคโนโลยีไฮเทคต่าง ๆ ก็ถูกอัดแน่นอยู่ใน S-Class อีกเช่นเคย แต่ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีที่ถูกติดตั้งใน S-Class รุ่นใหม่นี้ จะไม่ค่อยมีอะไรที่แปลกหูแปลกตา หรือพิเศษกว่าชาวบ้านเหมือนครั้งที่แล้ว เพราะเทคโนโลยีส่วนใหญ่เป็นของเดิมที่ถูกอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น ระบบ Brake Assist Plus, ระบบ Pre-Safe และระบบ Distronic Plus

     ทั้ง 3 ระบบจะทำงานร่วมกับเรดาร์ที่คอยตรวจจับสิ่งกีดขว้างด้านหน้ารถ Brake Assist Plus มีหน้าที่คำนวณความเร็วของรถและระยะทางห่างจากรถคันหน้า ถ้าอยู่ในระดับที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะเสริมแรงเบรกโดยอัตโนมัติ ช่วยให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่อมีการเหยียบเบรก แม้ว่าผู้ขับจะเหยียบเบรกอย่างเต็มที่หรือไม่ก็ตาม และในขณะเดียวกัน ระบบ Pre-Safe ก็จะเริ่มทำงานเมื่อเกิดการเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน หรือเมื่อรถเริ่มเสียการทรงตัว โดยการดึงเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับอัดลมที่ปีกของเบาะนั่งแบบ Multicontour seats และปิดกระจกทุกบาน รวมถึง Sunroof (ฟังก์ชันใหม่) เพื่อซัพพอร์ตให้ผู้ขับและผู้โดยสารนั่งอยู่ในท่าที่เหมาะสมและปลอดภัย ส่วนระบบ Distronic Plus ก็คือ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ความเร็ว 0-200 กม./ชม. ระบบนี้สามารถควบคุมระยะห่างจากรถคันหน้าให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม และสามารถลดความเร็วจนกระทั่งหยุดนิ่ง และเมื่อรถคันหน้าเริ่มเคลื่อนตัว ระบบก็สามารถเพิ่มความเร็วโดยอัตโนมัติตามที่เซ็ตเอาไว้ ลองคิดดูว่ามันจะสบายขนาดไหนในการจราจรที่ติดขัด

     ส่วนเทคโนโลยีใหม่ (สำหรับ Mercedes-Benz) นอกจากจะมีระบบเรดาร์แล้ว ยังมีระบบ Night View Assist System ซึ่งจะช่วยให้วิสัยทัศน์ในยามค่ำคืนชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยไฟหน้าแบบแสง Infrared ที่สามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 150 ม. และยังมีกล้อง Infrared คอยเช็คสภาพเส้นทางข้างหน้า ซึ่งภาพจะแสดงบนจอดิสเพลย์ที่แผงคอนโซล

     อุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ก็มีมาให้ครบครัน ทั้งเบาะไฟฟ้า หน้า-หลัง พร้อมระบบนวดหลังและระบบเบาะอุ่น, หลังคา Panoramic sliding roof, ระบบช่วงล่างแบบถุงลม Airmatic Air Suspension ที่สามารถลดระดับความสูงลง 22 มม. โดยอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งเกิน 120 กม./ชม. เพื่อการทรงตัวที่ดีกว่าตามหลักแอโรไดนามิกส์ และเบรกมือแบบไฟฟ้า

     เครื่องยนต์ที่จะส่งทำตลาดในช่วงเปิดตัวจะมีเพียง 2 บล็อก คือรุ่น S 350 ใช้เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตร มีแรงม้า 272 แรงม้า รุ่น S 500 จะใช้เครื่องยนต์บล็อก V8 ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ให้มีกำลังแรงม้าเพิ่มขึ้น 26% และแรงบิด 15% จนมีกำลัง 388 แรงม้าและแรงบิด 54.0 กก.-ม. ตั้งแต่ 2,800 รอบ/นาที สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 5.4 วินาที และอีก 2 รุ่นที่จะตามออกมาต้นปี 2006 คือรุ่นท็อปออฟเดอะไลน์ อย่าง S 600 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์แบบ V12 517 แรงม้า และแรงบิด 84.6 กก.-ม. และ S 320 CDI เครื่องยนต์ดีเซลแบบ V6 231 แรงม้ากับแรงบิด 55.1 กก.-ม. ระบบเกียร์สำหรับรุ่นบล็อกเครื่องยนต์ V6 และ V8 จะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด 7G-Tronic แต่สำหรับรุ่น S 600 จะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด

ความรู้สึกต่อรูปลักษณ์ที่เห็น New S-Class คันจริง ณ โรงแรม Villa Malpensa

     แวบแรกที่ได้เห็นรถคันจริง ๆ วิ่งผ่านหน้าผมไป เพื่อไปจอดรอให้ทดสอบ รู้สึกว่า... ก็ดูลงตัวดีนะ ดูคล้าย ๆ Maybach ผสมกับด้านหน้าที่ดูคมขึ้นและด้านท้ายที่คล้าย ๆ คู่แข่งอีกยี่ห้อหนึ่ง โดยเฉพาะภายใน... และเมื่อเดินตามเข้าไปดูมัน คล้ายกับคู่แข่งยี่ห้อเดิมที่ผมเพิ่งเอ่ยไป แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น เมื่อผมลองยืนพิจารณาดูรอบ ๆ รถและสำรวจภายในเกือบ 20 นาที ในช่วงที่รอรถทดสอบมาให้ครบและทำการ Brief ก่อนที่จะออกไปทดสอบ ผมก็พบว่าภายนอกและภายในที่เห็นนั้นน่ะ Mercedes-Benz คงไม่จนตรอกขนาดจะต้องไป copy ใครหรอก เนื่องจากภายนอกถ้าดูและนึกให้ดี ๆ ด้านท้ายแบบนี้ไม่ได้มีมาก่อนเฉพาะคู่แข่ง แต่ Maybach ก็เป็นแบบนี้ ส่วนดีไซน์และเส้นสายอื่น ๆ ที่ดูคมคายขึ้น ทาง Mercedes-Benz เค้าก็เริ่มมาตั้งแต่ E-Class และก็พวก CLS แล้ว เรียกว่าเอาความหรูมาจาก Maybach แต่มาทำให้ดูคมเข้มและออกสปอร์ตมากขึ้นตามสไตล์ Mercedes-Benz รุ่นใหม่ ๆ ซึ่งก็ดูสวยเลยทีเดียว น่าจะถูกใจกลุ่มลูกค้าได้ไม่ยาก

     ส่วนภายในนั้น จะว่า copy คู่แข่งอีกก็คงจะไม่เป็นการยุติธรรมนัก เพราะการออกแบบโครงสร้าง Dashboard หลัก ๆ ผมว่าค่อนข้างจะฉีกออกไปยาก เพราะตำแหน่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เดี๋ยวนี้ใครไม่มีก็เชยแย่ อย่างเช่น จอ Display ที่ส่วนใหญ่เอาไว้ดู Navigator, ดูทีวี หรือเป็นจอแสดง Function ต่าง ๆ ตำแหน่งที่ติดตั้งก็ควรจะต้องอยู่ในระดับสายตาคนขับ เพราะฉะนั้นจะไปอยู่ตรงไหนได้ ถ้าไม่อยู่แถว ๆคอนโซลกลางด้านบน ๆ หน่อย หรือจะเป็นปุ่มควบคุมอัจฉริยะจำพวก i-Drive ก็น่าจะต้องอยู่ช่วงคอนโซลกลางเหมือนกัน บริเวณแถว ๆ ที่เราเท้าแขนได้ เพราะฉะนั้นพูดได้ว่า "ไฟต์บังคับ" มันก็ต้องอยู่ตรงนั้นแหละ จะฉีกไปอยู่ตรงไหนได้ไกล ในเมื่อคู่แข่งเขาทำออกมาก่อนแล้ว และก็อยู่ในตำแหน่งที่ดีด้วย ประกอบกับสรีระคนเรามันก็เหมือน ๆ กัน ถ้าจะแตกต่างได้ในยุคที่เทคโนโลยีเหมือน ๆ กันก็ต้องมาพึ่งดีไซน์กันที่ตรงอื่น ซึ่งจุดขายของการดีไซน์ภายในของ S-Class ใหม่นี้น่าจะอยู่ที่ Lighting การจัดแสงไฟแนวใหม่ โดยการซ่อนไฟในจุดต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์และฉีกแนวกว่าเดิม ทำให้ได้อารมณ์และสไตล์ในห้องโดยสารที่เป็นเอกลักษณ์ขึ้น

วันแรกจากอิตาลีไปสวิส (ทดสอบโดยใช้ S 600)

     หลังจากถูก Brief เรื่องการทดสอบที่ โรงแรม Villa Malpensa ผมก็ได้ขับ S-Class ตัวใหม่จากโรงแรมไปทางเมือง Bellinzona แวะพักเพื่อสลับเปลี่ยนคนขับที่ Fattoria Amorosa Relay Station ใน Gudo

     ช่วงแรกนี้ผมเป็นผู้โดยสารตอนหน้า ได้ทดลองเล่นระบบ Comand System หลาย ๆ Function เช่น Navigator, Seat และ Radio ลองปรับที่นั่งโดยใช้ Command System, ลองความสะดวกสบายของเบาะที่นั่งด้านหน้า, ลองใช้ Multicontour Seat และเบาะนวด

     หลังจากออกจากจุดพักแรก... ผมเปลี่ยนมาเป็นคนขับ ขับจาก Gudo ไปทาง San Bernadino และ Julier เพื่อไปสู่จุดหมายคือ Kempinski Grand Hotel, St. Moritz ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ช่วงนี้ผมได้ลองทดสอบอัตราเร่งและการทรงตัวคร่าว ๆ ของ S 600 คันที่ขับ ดู Feeling ในการขับ เช่น น้ำหนักพวงมาลัย, แป้นเบรกและคันเร่ง, การใช้เกียร์อัตโนมัติ, ความคล่องตัวในการใช้งานจริงของอุปกรณ์ต่าง ๆ ขณะขับ เช่น Command System, Night Vision (เพราะในสวิสนั้น เส้นทางที่ทดสอบผ่านอุโมงค์เยอะมาก รู้สึกเหมือนอยู่ในอุโมงค์มากกว่าถนนธรรมดาเสียอีก), Multicontour Seat, เบาะนวด

วันที่สองจากสวิสกลับอิตาลี (ใช้ S 350)

     เส้นทางจาก St. Moritz ไป Moloja เลาะไปทางชายฝั่งด้านตะวันตกของทะเลสาบ Como สิ้นสุดที่ Villa Parravicini, Como

     ช่วงแรกผมทดลองเป็นผู้โดยสารตอนหลัง เพื่อดูว่านั่งข้างหลังรู้สึกอย่างไร พอกลางทางถึงเปลี่ยนมาเป็นผู้ขับ ซึ่งเส้นทางช่วงหลังนี้คดเคี้ยวและแคบมาก ๆ เพราะขับเลาะไปตามเมืองเก่าของอิตาลี ที่ถนนหนทางและตัวอาคารต่าง ๆ ได้ถูกอนุรักษ์ไว้ ทำให้ทางแคบมาก จนบางช่วงต้องมีสัญญาณให้หยุดรถเพื่อสลับให้รถที่มาอีกฝั่งหนึ่งหยุดก่อนและสลับกันไป

สำหรับความรู้สึกที่ได้การการทดสอบระยะเวลา 2 วันในครั้งนี้

     ในวันแรกและช่วงแรกของการทดสอบนั้น ผมขอเป็นผู้ลองนั่งในเบาะผู้โดยสารตอนหน้า ก็เลยได้ลองใช้ระบบ Command System ที่ทาง Mercedes-Benz เขาบอกไว้ว่าพัฒนาขึ้นมาใหม่ให้ใช้งานได้ง่ายกว่าระบบ i-Drive ของคู่แข่ง ซึ่งจากที่ดูเบื้องต้นผมก็ยังไม่แน่ใจเท่าไรนัก ว่าจะใช้งานได้ง่ายกว่าอย่างไร เพียงแต่เห็นว่า บริเวณแผงควบคุมเดียวกับที่ปุ่มควบคุมอัจฉริยะติดอยู่นั้น มีปุ่ม Mode ที่สำคัญ ๆ แยกออกมาต่างหาก เช่นพวก NAV, Radio, Tel, Seat และก็ปุ่ม Return เป็นต้น เพื่อให้ผู้ใช้สามารถลัดเข้า Mode ต่าง ๆ ที่ใช้ค่อนข้างบ่อยได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเข้าไปควานหาใน Menu ของระบบ (เหมือนพวก Soft key ของโทรศัพท์มือถือ) ซึ่งพอลองใช้ดูก็พบว่าสะดวกและง่ายขึ้นจริง ๆ ส่วนเมื่อเข้าไปใน Menu ย่อย วิธีการใช้ก็เหมือน ๆ กับ i-Drive เพียงแต่รู้สึกว่าจะไม่มีการโยกปุ่มเพื่อปรับแบบทแยงมุมซึ่งยุ่งยากเหมือนของ i-Drive มีแต่บิดซ้าย-ขวา และกดเลือกก็เท่านั้น ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่า รวมถึงการจัดเรียง Menu ย่อยที่ดี เลยใช้เวลาเพียงแค่ 2-3 นาทีในการเรียนรู้วิธีการใช้ด้วย Sense โดยไม่จำเป็นต้องอ่านคู่มือ

     หลังจากได้ทดลองใช้ Command system ในการปรับตำแหน่งเบาะและจุด Support ต่าง ๆ ได้ลงตัวเข้ากับสรีระของผมแล้ว ผมก็ได้ลองใช้ Multicontour Seat ระบบที่จะช่วยปรับเบาะในบริเวณช่วงข้างลำตัวและต้นขาด้านข้าง เพื่อ Support ตามแรงเหวี่ยงในเวลาเข้าโค้ง แต่ระบบนี้ จริง ๆ ผมเคยลองมาแล้วใน E 500 แต่ในส่วนเบาะนวดนั้นยังไม่เคย ซึ่งในระบบนวดนั้น มีให้เลือกได้ว่าจะเอา เร็ว-ช้า, หนัก-เบา อยู่ 4 แบบด้วยกัน หลังจากที่ได้ลองดูแล้วก็เพลินดี กำลังสบาย การสั่นและเคลื่อนตัวของระบบนวดอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ทำให้เสียสมาธิในกรณีที่ใช้ทางฝั่งคนขับ แต่ระบบจะหยุดอัตโนมัติเมื่อโปรแกรมจบ ซึ่งน่าจะทำงานในการเปิดระบบครั้งหนึ่งประมาณไม่เกิน 10นาที

     ช่วงที่ 2 จาก Gudo ไปทาง San Bernadino และ Julier เพื่อไปสู่จุดหมายคือ Kempinski Grand Hotel, St. Moritz ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผมเป็นคนลองขับเอง ถ้าจะให้พูดถึงสมรรถนะของ S 600 ก็คงเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าแรงสุด ๆ เรียกว่าเหลือ ๆ อยู่แล้ว ผมลองกดนิด ๆ หน่อย ๆ ตอนบางช่วงที่จำเป็นต้องแซง ซึ่งผลก็คืออย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าแรงเหลือเฟือ แต่อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนต้นว่า อยากลองขับดูอาการทั่ว ๆ ไปมากกว่า ซึ่งตลอดทางกว่า 100 กม. ที่ทดสอบในช่วงนี้ ซึ่งลักษณะทางค่อนข้างคดเคี้ยวและแคบ S-Class ใหม่นั้น ให้ความคล่องตัวดีมาก การเข้าโค้งต่าง ๆ อาการของรถค่อนข้างขืนนิด ๆ คือไม่โคลงแบบธรรมชาติ ซึ่งน่าจะมาจากการที่รถ S 600 มีระบบ ABC ควบคุมอาการโคลงของตัวรถ เพื่อให้ตัวรถไม่เอียงหรือโคลงมากเกินไปเวลาใส่เข้าเต็ม ๆ ในโค้ง น้ำหนักของพวงมาลัยมีความรู้สึกว่าดีกว่ารุ่นก่อน น้ำหนักในการเบรกถูกเซ็ตมากำลังดี ไม่ลึกจนรู้สึกเหมือนเบรกไม่อยู่ หรือตื้นจนเกินไปที่จะทำให้เบรกแล้วหัวทิ่ม...


     ช่วงล่างรุ่นนี้จะทำงานสัมพันธ์กันกับการเลือกโหมดของเกียร์ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ผมเซ็ตไว้ที่ตำแหน่งปกติกับแบบ Comfort เพื่อลองดู เพราะโดยทั่วไปใครที่ใช้รถหรูระดับนี้ไม่ค่อยเห็นใครปรับเป็นแบบ Sport หรือ Manual สักเท่าไร จากที่ได้ทดลองในโหมดปกติและ Comfort ก็ให้ความนุ่มนวลและเกาะถนนดี (ก็แน่อยู่แล้ว รถราคาระดับนี้) แต่ที่สังเกตได้ว่าต่างจากรุ่นก่อนก็คือ การเก็บรายละเอียดดีขึ้น แม้ว่าจะวิ่งบนถนนลูกรัง ช่วงล่างและตัวรถก็เก็บเสียงได้ดีมาก...

     ตำแหน่งคันเกียร์ไม่ค่อยคุ้นเท่าไร แต่ก็ใช้งานง่าย ถ้าเคยใช้ 7Series มาแล้วก็ O.K เลย... ส่วนตำแหน่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็จัดวางได้ดี ถ้าคุ้นเคยสักนิดก็จะใช้งานได้ไม่ยาก โดยไม่ต้องหันมามองมาก...

     ช่วงถนนในสวิสนั้น ถนนหนทางตัดผ่านเป็นอุโมงค์เยอะมาก เลยได้ลองระบบ Night Vision ซึ่งก็ไม่ผิดหวังในความสามารถ แต่ผิดคาดนิดหน่อยในตอนแรก เพราะคิดว่าจะโชว์ภาพขึ้นมาบนกระจกเหมือนบางยี่ห้อ แต่นี่ดีกว่า ตรงที่โชว์ตรงกลางหน้าปัดซึ่งเป็นตำแหน่งของมาตรวัดความเร็วเลย โดยมาตรวัดความเร็วที่เราเห็นเป็นเข็มวัดนั้น จริง ๆ เป็นกราฟิกที่ทำขึ้นโชว์หลอกในจอ Display ตรงกลางหน้าปัด พอเราใช้ระบบ Night Vision เจ้าจอนี่ก็จะเปลี่ยนจากกราฟิกมาตรวัดความเร็วไปเป็นจอแสดงภาพแบบ Night Vision ขึ้นมา เพื่อช่วยให้เรามองเห็นจุดบอดต่าง ๆ ในความมืดที่เราไม่สามารถเห็น หรือเห็นได้ยากด้วยตาเปล่า (ระบบนี้จะทำงานเมื่ออยู่ในที่มืดเท่านั้น ถึงแม้ว่าเราจะเปิดให้ระบบนี้ทำงาน แต่ถ้าอยู่ในที่สว่าง มันก็จะไม่ทำงานให้อยู่ดี และระบบจะปิดการทำงานเองเมื่อออกมาสู่ที่สว่างสักพัก)

     น่าเสียดายที่ไม่ได้ลองระบบ Distronic เนื่องจากสภาพทางและการจราจรไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไรนัก แต่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์มาก ๆ ในบ้านเราที่รถติด ๆ แต่ไม่รู้ว่าระบบจะเบรกให้เราได้เร็วแค่ไหน เมื่ออยู่ใกล้รถคันข้างหน้า เพราะการขับรถบ้านเรามีรถแทรกแบบกะทันหันอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์!!!

     ช่วงสุดท้ายของการทดสอบในวันที่สอง... ขากลับจากสวิสมุ่งสู่อิตาลี ผมได้ลองเป็นทั้งผู้ขับและผู้นั่งอีกเหมือนเดิม แต่วันนี้เราทดสอบตัว S 350 ซึ่งเป็นแบบตัวถังช่วงสั้น แต่การเป็นผู้นั่งหรือผู้โดยสารเที่ยวนี้ ผมขอลองนั่งข้างหลังดูว่าจะสบายแค่ไหน ถึงแม้ตัวนี้จะเป็นแค่ Short Wheelbase ตัวถังสั้น แต่ก็มี Leg Room เหลือเฟือ เบาะหลังในคันที่เราขับมาทดสอบก็เป็นคันที่ไม่สามารถปรับเอนเบาะหลังได้ด้วย แต่ถึงจะปรับเอนไม่ได้ แต่ตำแหน่งที่ทาง Mercedes-Benz เซ็ตมาอยู่แล้วนั้นก็อยู่ในตำแหน่งที่เอนกำลังดีอยู่แล้ว การตัดเย็บของเบาะ รวมถึงวัสดุต่าง ๆ ก็มีรายละเอียดที่ดีกว่ารุ่นก่อนมากตาม Trend ของปัจจุบัน

     สรุปแล้วก็ประทับใจ แม้ว่าการทดสอบในครั้งนี้จะเป็นแค่การทดสอบแบบ First Impression เท่านั้น แต่ก็หวังว่าถึงจะทดสอบเต็มรูปแบบจริง ๆ ผลก็คงออกมาดีอยู่แล้วตามคุณภาพของ Mercedes-Benz...

 SPECIFICATION Mercedes-Benz New S-Class
 
S 350
S 500
 แบบเครื่องยนต์
เบนซิน V6 4 วาล์วต่อสูบ
เบนซิน V8 4 วาล์วต่อสูบ
 ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.)
3,498
5,511
 กระบอกสูบ x ช่วงชัก
92.9 x 86.0
98.0 x 90.5
 อัตราส่วนกำลังอัด
10.7
 กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที)
272/6,000
388/6,500
 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รอบต่อนาที)
35.7/2,400-5,000
54.0/2,800-4800
 ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
Microprocessor-controlled injection system, hot-film air floe sensor
 ระบบกันสะเทือน
 หน้า
Four-link suspension,AIRMATIC fully supporting air suspension with level control, torsion-bar stabilizer
 หลัง
Multi-link suspension, AIRMATIC fully supporting air suspension with level control, torsion-bar
 ระบบส่งกำลัง
อัตโนมัติ 7 สปีด 7G Tronic
 อัตราทดเกียร์ 1
4.38
 2
2.86
 3
1.92
 4
1.37
 5
1.00
 6
0.82
 7
0.73
 เกียร์ถอยหลัง
3.42
 ระบบเบรก หน้า/หลัง
Hydraulic dual-circuit breaking system with vacuum booster and Brake Assist, internally ventilated front discs, internally ventilated rear discs, foot-operated parking brake, ABS
 ขนาดดิสก์ หน้า/หลัง (มม.)
335 x32 / 300 x 12
350 x32 / 320 x 24
 ระบบพวงมาลัย
Rack-and-pinion speed-sensitive power steering
 ล้อ
8J x 17
 ยาง
235/55 R17
 ฐานล้อ
3,165
 ความยาวตัวรถ (มม.)
5,206
 ความกว้างตัวรถ (มม.)
1,871
 ความสูงตัวรถ (มม.)
1,473
 รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (ม.)
12.2
 น้ำหนักรถ
1,925
1,985
 ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร)
101
 อัตราเร่ง 0-100 (วินาที)
5.4
 ความเร็วสุงสุด (กม./ชม.)
250
 มาตรฐานระบบควบคุมมลพิษ

EU 4

 


ที่มา ; http://www.grandprixgroup.com

 
[ ส่งหน้านี้ให้เพื่อน ]                          
 


  รายการบทความ