BenzSociety ศูนย์รวมพลคนรัก Benz

                                  www.benzsociety.com
 
HomeBenz ShoppingBenzSociety ShowBenz Option ClassifiedsWebboardOffice
Import CarsShow RoomCar Service •  Wheels & Tires  •  Car stereoHome/CondoGolf Society Benz TravelEntertainment
          » แนะนำ Benz รุ่นใหม่..ขณะนี้ » Mercedes-Benz M-Clas...


  Mercedes-Benz M-Class Edition 10 รุ่น Exclusive
    [ 23/01/2009 ] - [ 2200 ]
 

เมื่อช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2008 ที่ผ่านมา คนไทยเรามีโอกาสได้ยลโฉม รถ SUV ระดับพรีเมียมจากค่ายยักษ์ใหญ่ของโลกก็คือ เมอร์เซเดสเบนซ์ ซึ่งได้มีการเฉลิมฉลอง 10 ปีแห่งความสำเร็จของ M-Class ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดกว่า 850,000 คัน ด้วยเวอร์ชั่นพิเศษที่เรียกว่า "Edition 10" มีความแตกต่างและความโดดเด่นพิเศษจากรุ่นมาตรฐานหลาย ๆ ด้านจากของเดิม ซึ่งเชื่อว่าทั่วโลกให้การยอมรับในเรื่องของผลิตภัณฑ์รถยนต์ของค่ายนี้อยู่แล้ว และในรุ่นพิเศษนี้ก็จะถือว่าเป็นความพิเศษที่นาน ๆ จะออกมาให้เห็นกันสักที ในโอกาสนี้ก็เลยขอหยิบมาให้ชมกัน แม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายเดือนแล้ว ชื่อของเบนซ์นั้นก็ถือว่าเป็นอมตะเสมอ


       แต่ก่อนที่เราจะไปดูรายละเอียดของรถ ขออนุญาตกล่าวอ้างถึงความเป็นมาแห่งการครบรอบ 10 ปีของ M-Class ซึ่งเรื่องราวแห่งความสำเร็จของสายพันธุ์ผสม German-American คันนี้ กำเนิดรถในเจเนอเรชั่นแรกเลยก็คือ M-Class (W 163) ได้เปิดตัวในปี ค.ศ. 1997 เป็นรุ่นบุกเบิกสำหรับความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ประเภทพรีเมียม SUV มาจนถึงปัจจุบันนี้ M-Class รุ่นแรกได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เป็นการผสมผสานความนุ่มนวลสะดวกสบาย และความปลอดภัยในการบังคับควบคุมของรถยนต์นั่งด้วยสมรรถนะของรถยนต์ในแบบออฟโรดเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน นอกจากนี้ยังมีห้องโดยสารที่กว้างขวางและสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้อย่างเหมาะสม เป็นการเริ่มต้นออกเดินทางสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอย่างประทับใจด้วยยอดจำหน่ายทั่วโลกเกือบ 600,000 คัน 
       จากนั้น M-Class (W 164) ได้ออกมาตอกย้ำความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่อง ในปี ค.ศ. 2005 สามารถทำยอดจำหน่ายทั่วโลกได้กว่า 250,000 คัน และเช่นเดียวกับเจเนอเรชั่นแรก M-Class เจเนอเรชั่นที่สองถูกผลิตและประกอบขึ้นที่โรงงานของเมอร์เซเดสเบนซ์ ใน Tuscaloosa รัฐอลาบาม่า สหรัฐอเมริกา ซึ่งสายการผลิต ณ โรงงานแห่งนี้ถูกเปิดขึ้นในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1997 สองปีหลังจากเริ่มต้นการก่อสร้าง และเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ของเมอร์เซเดส เบนซ์ แห่งแรกที่อยู่นอกประเทศเยอรมนี ในช่วงระยะเวลาอันสั้นหลังจากเริ่มต้นการผลิต ความต้องการของ M-Class เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหนือความคาดหมาย จากการลงทุนเริ่มต้นที่ 300 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ บริษัทได้ลงทุนเพิ่มเติมอีก 100 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิม 60,000 คันเป็น 80,000 คันต่อปี ภายในปี ค.ศ. 2002 M-Class มากกว่า 88,000 คันถูกผลิตขึ้น ณ โรงงานแห่งนี้ นอกจากนี้ในระหว่างปี ค.ศ. 1999 และ 2002 M-Class ยังได้ถูกผลิตขึ้นที่ Magna Steyr ในประเทศออสเตรีย สถานที่เดียวกับ
G-Class ตำนานอีกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเมอร์เซเดสเบนซ์ ถูกสร้างขึ้น
       เรื่องราวของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ของเมอร์เซเดสเบนซ์ เริ่มต้นมากว่า 100 ปีล่วงมาแล้ว ในการที่ทำให้เกิดเป็นเครื่องหมายสัญลักษณ์ของการฉลองครบรอบ 10 ปีของ M-Class "Edition 10" ยังได้นำเหตุการณ์ที่สำคัญอื่น ๆ ในอดีตให้ย้อนกลับมารำลึกถึงอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 100 ปีก่อน โรงงาน Berlin-Marienfelde ได้ผลิตรถยนต์นั่งสำหรับทุกสภาพพื้นผิวถนนด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ขึ้นเป็นคันแรกของโลก เป็นรถยนต์ที่ออกแบบโดย Paul Daimler ซึ่งรถยนต์นี้ถูกนำไปใช้ในกิจกรรมของ German Imperial Colonial Office ใน German Southwest Africa ซึ่งปัจจุบันคือประเทศนามิเบีย เทคโนโลยีที่ถูกใช้ในยานยนต์หนัก 3.6 ตันที่ประกอบด้วยตัวถังแบบทัวริ่งคาร์ และมี 6 ที่นั่งนี้แสดงถึงความก้าวล้ำนำสมัย นอกจากนี้ยังประกอบด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ที่ทำให้รถยนต์ขนาดใหญ่มีความคล่องตัว มีสมรรถนะในการขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยม ทำให้เหมาะสมกับการเดินทางในทะเลทรายหรือในภาพทุรกันดารที่มีอยู่มากมายใน German Southwest Africa นอกจากนี้ยังมีแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถที่แข็งแกร่ง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบส่งกำลังอีกด้วย
       Dernburg Wagen เป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นหลังจาก Bernhard Dernburg หัวหน้าของ German Imperial Colonial Office ได้ใช้รถยนต์รุ่นนี้เป็นเวลาหลายปี ส่วนใหญ่การใช้งานจะอยู่ในพื้นที่รอบ Windhoek และ Swakopmund คิดเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 10,000 กิโลเมตร เส้นทางของยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัวนี้ได้จางหายไปในช่วงของการผ่านพ้นยุคอาณานิคม กลายเป็นความลึกลับของตำนานแห่งความสำเร็จอีกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ยานยนต์โลก
       ย้อนกลับมาในรุ่น"Edition 10" ผลิตขึ้นเพื่อเป็นการฉลองครบ 10 ปีแห่งความสำเร็จของรถ M-Class  รถยนต์ที่ปัจจุบันถูกเรียกว่าเป็นผู้บุกเบิกของรถยนต์แบบพรีเมียม SUV เมื่อเทียบกับรุ่นที่เป็นซีรี่ส์โปรดักชั่นหรือรุ่นมาตรฐานแล้ว รุ่นพิเศษนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนรุ่นทั่วไปด้วยสัญลักษณ์ Edition 10ž ที่ปีกด้านข้างให้การตกแต่งภายนอกของเวอร์ชั่นพิเศษนี้เป็นที่จดจำได้อย่างง่ายดายขึ้น การออกแบบที่เป็นจุดดึงดูดสายตาและรายละเอียดทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ที่เหนือกว่า จุดสำคัญประกอบด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/45 R20 V  ล้ออัลลอยสีบรอนซ์ที่ออกแบบเป็นพิเศษเสริมความเป็น "Edition 10" ให้เหนือระดับขึ้นไปอีก ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานหรือเพิ่มความประทับใจมากขึ้นด้วยล้ออัลลอยที่มีคุณสมบัติสามารถเปลี่ยนเป็นโทนสี "Chrome Shadow" ได้ในยามค่ำคืน สามารถที่จะเลือกนำมาใช้ได้ด้วยเช่นกัน 
       พื้นภายในกรอบไฟหน้าแบบไบ-ซีนอนสีดำ พร้อมระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัยและไฟตัดหมอกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวพร้อมฟังก์ชันการทำงานของระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง ซึ่งทั้งหมดทำให้ด้านหน้าของ M-Class มีความโดดเด่นสะดุดตามากขึ้น ส่วนด้านหน้าของ M-Class "Edition 10" ยังประกอบด้วยกระจังหม้อน้ำที่ออกแบบเป็นพิเศษ กันกระแทกด้านล่างทำจากสเตนเลสสตีลซึ่งทั้งคู่ใช้โทนสีไททาเนี่ยมเพื่อสร้างความโฉบเฉี่ยวสะดุดตา ทางด้านหลังของตัวได้ให้ความพิเศษแตกต่างด้วยปลายท่อไอเสียโคร
เมียมแบบท่อคู่ กระจกด้านหลังสีน้ำเงิน มือจับเปิดประตูแบบโครเมียม ยางกันกระแทกรอบคัน กระจังหน้าและกันชนหลังเพิ่มสัมผัสของความมันแวววาวเป็นประกาย โมเดลพิเศษนี้ยังมีโทนสีให้เลือกทั้งในแบบ Obedian Black, Indium silver หรือ Calcite White
       การใช้หนังระดับคุณภาพสีดำตกแต่ง ทำให้เกิดความแตกต่างที่ประทับใจของการตกแต่งภายในห้องโดยสาร เพดานห้องโดยสารสีดำ ชุดแผงหน้าปัดแบบสปอร์ตและการตกแต่งด้วยลายไม้ anthracite poplar เพิ่มความหรูหรา โอ่อ่า ให้ภายในห้องโดยสาร เช่นเดียวกับพรมปูพื้น Velour พร้อมสัญลักษณ์ "Edition 10" ขณะเดียวกันผู้ขับขี่จะได้รับสัมผัสพิเศษจากแป้นคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ตที่ทำจากสเตน เลสสตีลขัดมันแวววาว เบาะนั่งด้านหน้าปรับตำแหน่งด้วยระบบไฟฟ้าและชุดให้ความส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
       อุปกรณ์มาตรฐานของความพิเศษที่แตกต่างนี้ยังประกอบด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ 7G-TRONIC พร้อม DIRECT SELECT โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ  ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา 4MATIC และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน 4ETS พร้อมฟังก์ชันการทำงานที่เพิ่มมากขึ้นด้วยระบบตั้งความเร็วขณะลงเขา (Downhill Speed Regulation) ระบบช่วยสตาร์ตบนทางลาดชัน (hill-start assist) และระบบเบรก off-road ABS.


       ในส่วนของต้นกำลัง เครื่องยนต์ของ ML 280 CDi รุ่น Edition 10 นี้จะเป็นเครื่องยนต์ V6 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ CDi เจเนอเรชั่น 3 มีแรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 440 ตารางนิวตัน-เมตร เป็นรถออฟโรดที่ให้ความประหยัดสูงสุดของรถในคลาสเดียวกัน กับราคาค่าตัวเฉียด ๆ 6 ล้านบาท 

 
[ ส่งหน้านี้ให้เพื่อน ]                          
 


  รายการบทความ