BenzSociety ศูนย์รวมพลคนรัก Benz

                                  www.benzsociety.com
 
HomeBenz ShoppingBenzSociety ShowBenz Option ClassifiedsWebboardOffice
Import CarsShow RoomCar Service •  Wheels & Tires  •  Car stereoHome/CondoGolf Society Benz TravelEntertainment
          » เทคนิคคนรักรถ » ความรู...


  ความรู้เรื่อง ..น้ำมันแก๊สโซฮอล์
    [ 24/02/2009 ] - [ 1470 ]
 
ความรู้เรื่อง น้ำมันแก๊สโซฮอล์


วิสัยทัศน์เเห่งอนาคต

ฟอร์ด ประเทศไทย สนับสนุนนโยบายของชาติในการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงเอทานอล ด้วยความเชื่อมั่นว่าการที่รัฐบาลส่งเสริมให้เอทานอลเป็นเชื้อเพลิงเเห่งอนาคตนั้น เป็น ยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง
ประโยชน์ของเอทานอล

ลดการพึ่งพาทางเศรษฐกิจและพลังงาน
ประเทศไทยขาดดุลการค้าด้านการนำเข้าน้ำมันเป็นจำนวนมาก รัฐบาลจึงได้กำหนด นโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ที่ใช้พลังงานอื่นแทนน้ำมันเบนซินและดีเซล เพื่อให้ช่วยลดการ นำเข้าน้ำมันดิบ ช่วยรักษาดุลการค้า และช่วยให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ในเรื่อง พลังงาน และลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีต่อเศรษฐกิจไทย

ส่งเสริมภาคเกษตรกรรมและการพัฒนาชนบท
เพราะเอทานอลผลิตจากผลผลิตทางการเกษตร เช่น อ้อยและมันสำปะหลัง และไม่ จำเป็นต้องใช้ดินดีหรือน้ำในปริมาณมากในการเพาะปลูก ทั้งยังสามารถเลือกชนิดของพืช ให้ เหมาะกับสิ่งเเวดล้อมต่างๆได้อีกด้วย

รณรงค์สิ่งเเวดล้อม
หากผู้ขับขี่หันมาใช้น้ำมันเอทานอล จะช่วยให้ปริมาณไอเสียลดลงถึง 30% ช่วยให้ อากาศสะอาดและมีคุณภาพที่ดีขึ้น และยังช่วยลดปริมาณก๊าสที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกหรือ โลกร้อนในกรุงเทพฯอีกด้วย

การเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์

    * ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค สำหรับ เทคโนโลยีเอทานอลและพร้อมที่จะเป็น "ดีทรอยท์เเห่งประเทศเอเชีย"
    * นโยบายเเห่งชาติในการส่งเสริมเอทานอล จะสร้างเเรงจูงใจให้ผู้ผลิตรถยนต์ หันมา พัฒนาและผลิตเครื่องยนต์เชื้อเพลิงเอทานอลในประเทศไทย
    * พร้อมจะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเอทานอลในเอเชีย

ฟอร์ด และประสบการณ์ด้าน Flexible Fuel Vehicles (FFV)

ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ฟอร์ดผลิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเอทานอล ออกสู่ตลาดใน อเมริกาเหนือ บราซิลและสวีเดนเเล้วถึง 1 ล้านคัน พร้อมได้นำเทคโนโลยีรถยนต์ Flexible Fuel Vehicles หรือ FFV ที่สามารถใช้เเก๊สโซฮอลที่มีส่วนผสมของเอทานอลในระดับต่างๆกัน ตั้งเเต่ น้ำมันเบนซินธรรมดาไปจนถึงน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอลสูง 85% หรือที่เรียกกันว่า E85 ได้

กรณีศึกษา นโยบายส่งเสริมเอทานอลในบราซิล
1975 :    เริ่มต้นโครงการส่งเสริมเอทานอล เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันปิโตเลียมและหาเเหล่งพลังงานทดเเทนเเหล่งใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งเเวดล้อม
1979 :    เริ่มผลิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเอทานอลทั้งรถยนต์นั่งเเละรถเพื่อการพาณิชย์
1985 : 1990 :    90% ของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศใช้เชื้อเพลิงเอทานอล
2003 :    เปิดตัวรถยนต์ FFV ที่สามารถใช้น้ำมันหรือเอทานอลก็ได้
2004 :    ยอดขายรถยนต์ FFV สูงถึงกว่า 328,000 คัน (เพิ่มส่วนเเบ่งตลาดได้อย่างมาก)

    * ปัจจุบัน มีรถยนต์เอทานอลที่จำหน่ายไปเเล้วกว่า 6 ล้านคัน
    * สร้างงานให้คน 640,000 คน และสร้างงานทางอ้อมให้กับคนหลายล้านคน โดยเฉพาะในชนบท
    * นโยบายส่งเสริมเอทานอล มอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้บริโภคได้อย่างมากมาย ได้เเก่
          o ภาษี (ของรัฐและภาษีทางหลวง) ในอัตราที่ตำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันปิโตเลียม
          o ราคาถูกกว่าน้ำมันในขณะนี้ (-43%) ก่อนหน้านี้ราคาเเอลกอฮอล์ต่ำกว่าน้ำมันระหว่าง 30-40%

ความสำเร็จในบราซิล

ฟอร์ดมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของการส่งเสริมการใช้เอทานอลในบราซิล

    * มีศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เอทานอล
    * เทคโนโลยี E22
    * เทคโนโลยีรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงหลากหลายชนิด E40-E85
แหล่งที่มา http://www.ford.co.th/servlet/ContentServer?cid=1137383588998&pagename=Page&c=DFYPage
ความจริงเกี่ยวกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์

          น้ำมันแก๊สโซฮอล์(Gasohol) คือน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดใหม่สำหรับรถยนต์ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นพลังงานทางเลือกทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป และเพื่อลดมลพิษในอากาศ และส่งเสริมเศรษฐกิจของชาติ น้ำมันแก๊สโซฮอล์เกิดจากการผสมระหว่างน้ำมันเบนซิน หรือที่ในภาษาอังกฤษมักจะเรียกกันว่า Gasoline 90% กับ Alcohol 10% (เอทานอล) จึงเป็นที่มาของคำศัพท์ว่า Gasohol หรือที่เรียกกันในวงการว่า E10 (จากสัดส่วนของเอทานอล 10%)
          การผสมเอทานอลเข้าไปในน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดนี้ ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพลดลงแต่อย่างใด เพราะปกติแล้วผู้ผลิตจะเพิ่มค่าออกเทนเข้าไปอีกราว 2-3 จุด จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องยนต์ นอกจากนี้เอทานอลยังช่วยให้พลังงานชนิดนี้เผาไหม้ได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จึงทำให้เครื่องยนต์สะอาด และช่วยลดมลพิษในอากาศด้วย ดังนั้นคุณจึงเชื่อมั่นได้ว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ใช้ได้ และเพื่อยืนยันความมั่นใจเกี่ยวกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ กระทรวงพลังงานมีความจริงเกี่ยวกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์มาบอก ดังนี้

          1. ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ไปนานๆ จะทำให้เครื่องพังจริงหรือ
ความจริงแล้วน้ำมันแก๊สโซฮอล์ คือ น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วที่ผสมเอทานอลนั่นเอง การผสมเอทานอลลงไปในน้ำมันไร้สารตะกั่วจะช่วยเพิ่มค่าออกเทนให้กับเชื้อเพลิงอีกราว 2-3 จุด จึงช่วยต้านทานไม่ให้เครื่องยนต์น็อก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องยนต์ นอกจากนี้เอทานอลยังประกอบด้วยออกซิเจน ซึ่งเผาไหม้ที่จุดสันดาปที่ต่ำกว่าเบนซิน จึงสามารถเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์มากกว่า ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาดขึ้น ใช้งานได้นานขึ้น และช่วยลดมลพิษต่อสภาพแวดล้อมในระยะยาวอีกด้วย

          2. ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แล้วทำให้เครื่องร้อนจริงหรือ
ความจริงแล้วการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ไม่ได้เป็นสาเหตุให้เครื่องยนต์ร้อนจนเกินไปแต่อย่างใด เพราะ          เอทานอล (แอลกอฮอล์) ในน้ำมันแก๊สโซฮอล์มีจุดสันดาปที่ต่ำกว่าน้ำมันเบนซินทั่วไป จึงทำให้เครื่องยนต์เย็นกว่าปกติด้วยซ้ำไป เห็นได้จากการที่รถแข่งเครื่องแรงๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงๆ หลายรายจึงเลือกใช้แอลกอฮอล์เป็นเชื้อเพลิงก็ด้วยเหตุนี้

          3. ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แล้วทำให้ฟิลเตอร์อุดตันจริงหรือ
ความจริงแล้วการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ช่วยทำให้เครื่องยนต์สะอาดขึ้นต่างหาก สำหรับผู้ที่เปลี่ยนมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ใหม่ๆ แล้วพบว่าฟิลเตอร์อุดตัน อาจเป็นไปได้ว่า ก่อนหน้านี้ถังน้ำมันและเครื่องค่อนข้างสกปรกอยู่แล้ว และไม่ค่อยบำรุงรักษา เมื่อเปลี่ยนมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ จึงทำให้สนิมและคราบสกปรกต่างๆ ที่สะสมมาเป็นเวลาหลายปีหลุดออก และไปอุดตันที่ฟิลเตอร์ ถ้าเจอกรณีเช่นนี้               ให้ลองเปลี่ยนฟิลเตอร์ใหม่ และลองใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ต่อไป คุณจะพบว่า ถังน้ำมันและเครื่องยนต์ของคุณสะอาดขึ้น และเครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

          4. ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แล้วจะทำให้เครื่องไม่แรง จึงไม่เหมาะจะใช้กับรถเครื่องยนต์ใหญ่ๆ อย่างรถยุโรป จริงหรือ
ความจริงแล้วน้ำมันแก๊ซโซฮอล์ กับน้ำมันเบนซิน 95 ให้ประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน จึงสามารถใช้ได้กับรถยนต์ทุกขนาด ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา เพียงแต่ว่า ในการวิ่งระยะไกล การเติมน้ำมัน                  แก๊สโซฮอล์อาจทำให้มีอัตราการเร่งลดลง จึงต้องใช้เวลาเดินทางเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเบนซิน 95               แต่ปกติแล้วรถเครื่องยนต์ใหญ่ๆ มักจะกินน้ำมัน และราคาของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ก็ถูกกว่าเบนซิน 95 การเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์อาจช่วยให้คุณประหยัดได้มากกว่า

          5. ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ถึงจะราคาถูกกว่า แต่ก็กินน้ำมันมากกว่าจริงหรือ
ความจริงแล้วอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ จะต่างจากน้ำมันเบนซินเพียง 1-2% เท่านั้น อีกทั้งอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงยังขึ้นอยู่กับตัวแปรต่างๆ เช่น สภาพการขับขี่ของแต่ละบุคคล สภาพของรถยนต์ และสภาพการจราจรบนท้องถนน ฯลฯ เช่น ผู้ที่ขับรถเร็ว นิยมเหยียบคันเร่งก็จะสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น เป็นต้น อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบราคาจำหน่ายแล้ว น้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าเบนซินถึงลิตรละ 2.50-3.50 บาท ดังนั้นเมื่อคำนวณแล้ว จึงยังนับว่าได้เปรียบในเรื่องความประหยัด

          6. ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แล้วจะต้องดูแลเครื่องยนต์เป็นพิเศษจริงหรือ
สำหรับรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นไป สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องดูแลรักษา หรือปรับแต่งเครื่องยนต์เป็นพิเศษแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามน้ำมันแก๊สโซฮอล์ยังมีจุดเด่นในเรื่องการเผาไหม้ที่สมบูรณ์กว่า จึงช่วยให้เครื่องยนต์สะอาดกว่า เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องได้ดีกว่า ในระยะยาว จึงช่วยให้เครื่องมีอายุการใช้งานที่นานขึ้นด้วย

แหล่งที่มา http://www.thaienergynews.com/gassohol.asp

 

แก๊สโซฮอล์ (Gassohol)
น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการผสมระหว่าง เอทานอล *  หรือเอทิลแอลกอฮอล์  ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์  99.5% ผสมกับน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ในอัตราส่วนเบนซิน 9 ส่วน เอทานอล 1 ส่วน จึงได้มาเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ออกเทน 95 ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับน้ำมันเบนซิลพิเศษไร้สารตะกั่ว ออกเทน 95

แก๊สโซฮอล์  เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากแนวพระราชดำริใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528  โดยทรงเล็งเห็นว่าประเทศไทยอาจประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมัน  และปัญหาพืชผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ  จึงทรงมีพระราชดำริให้โครงการส่วนประองค์สวนจิตรลดาได้ศึกษากระบวนการผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อย  และนำแอลกอฮอล์ที่ผลิตได้นี้มาผสมกับน้ำมันเบนซิน  ผลิตเป็นน้ำมัน “แก๊สโซฮอล์” เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน  โดยโครงการส่วนพระองค์ได้เริ่มผลผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 และได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

แก๊สโซฮอล์  กับประโยชน์ที่จะได้รับ
                นอกจากราคาแก๊สโซฮอล์จะถูกกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดา ซึ่งช่วยประหยัดการใช้น้ำมันและเงินตราต่างประเทศในการซื้อน้ำมันไปได้มากแล้ว  แก๊สโซฮอล์ยังช่วยลดปริมาณมลพิษจากท่อไอเสียและมลพิษในอากาศ  เพราะสามารถลดปริมาณไฮโดรคาร์บอนมอนนอกไซด์ลงได้ถึง 30%  ทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
                แก๊สโซฮอล์สามารถเติมได้กับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทุกรุ่นตามที่ผู้ผลิตแนะนำโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งเครื่องยนต์  และสามารถเติมผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ในถังได้เลยไม่ต้องรอให้น้ำมันหมดถังก่อน  และหากไม่มีจุดเติมแก๊สโซฮอล์ก็สามารถเปลี่ยนไปเติมน้ำมันเบนซินทั่วไปได้ทันทีเช่นกัน  เพราะแม้ว่าสารเติมแต่งค่าออกเทนที่กำหนดให้มีในการเติมน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว  ออกเทน 95  โดยทั่วไปนั้น จะเติม MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) แต่สำหรับแก๊สโซฮอล์ที่จะใช้ Ethyl Alcohol 99.5% ทดแทนในปริมาณ 10% แต่คุณสมบัติในการใช้งานกับเครื่องยนต์ยังคงเหมือนกันทุกประการ
นอกจากนี้ การผลิตแก๊สโซฮอล์ยังถือเป็นการใช้ประโยชน์จากพืชผลทางการเกษตรในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะไม่ว่าจะเป็นอ้อย  มันสำปะหลัง  ข้าว  ข้าวโพด  สามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตแอลกอฮอล์ได้ทั้งหมด  ช่วยลดงบประมาณในการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรลงได้ถึงหนึ่งหมื่นล้านบาท
             
*** เอทานอล   คือ  แอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมักพืชหรือผลิตผลทางการเกษตร  สามารถใชเป็นเชื้อเพลิงโดยตรงเพื่อทดแทนน้ำมันเบนซินหรือน้ำมันดีเซล เมื่อผสมกับน้ำมันเบนซินเป็น “แก๊สโซฮอล์”  ผสมน้ำมัน ดีเซลเป็น “ดีโอฮอล์”
 
ใช้แก๊สโซฮอล์เพื่อชาติ


เป็นพลังงานทดแทน ผลิตจากพืชเกษตรในประเทศ ใช้แทนสารเพิ่มออกเทนที่นำเข้าจาก

ต่างประเทศ ประหยัดเงินตราต่างประเทศมากกว่า 3,000 ล้านบาท ต่อปี

ประหยัดการใช้น้ำมันที่มีอยู่จำกัด โดยการนำเอทานอลมาผสมกับน้ำมันเบนซิน จะช่วยลดการใช้
น้ำมันของประเทศลงได้ประมาณ 10% หรือเดือนละ 25 ล้านลิตร

เกษตรกรไทยมีรายได้สูงขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการผลิตเอทานอลที่ได้จากพืชเกษตร

ลดมลพิษทางอากาศ โดยลดไฮโดรคาร์บอน และคาร์บอนมอนนอกไซด์ ลงได้ 20-25 %
ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ที่ก่อให้เกิดสภาวะ เรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ (GREEN HOUSE EFFECT) รวมทั้งลดควันดำ ลดสารอะโรเมติกส์ และลดสารเบนซีน

ช่วยกระจายการลงทุน การจ้างงานสู่ชนบท
ใช้แก๊สโซฮอล์เพื่อคุณ


ได้ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ในราคาที่ประหยัดลง 1.50  บาทต่อลิตร

ช่วยให้เครื่องยนต์เผาไหม้สะอาด สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ได้มีส่วนช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อนร่วมชาติให้ขายผลผลิตได้ในราคาที่สูงขึ้น

ได้ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งส่งผลถึงชีวิตตนเอง ลูกหลาน และเพื่อนร่วมชาติ
ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการเติมแก๊สโซฮอล์ 95
เนื่องจากแก๊สโซฮอล์ 95 เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการผสมระหว่าง เอทานอล หรือ เอทิลแอลกอฮอล์  ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์  99.5% ผสมกับน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ในอัตราส่วนเบนซิน 9 ส่วน เอทานอล 1 ส่วน
คุณสมบัติของแอลกอฮอล์ คือระเหยเร็ว  ทำให้เกิดหยดน้ำในถัง  อาจทำให้ถังน้ำมันเกิดสนิมและผุเร็วกว่าที่ควรจะเป็น อาจทำให้เกิดการอุดตันในระบบน้ำมันเชื้อเพลิง
2.      ควรเติมแก๊สโซฮอล์ 95 สลับกับเบนซิน 95  เนื่องจากในแก๊สโซฮอล์ไม่มีสารหล่อลื่นบ่าวาวล์เหมือนในเบนซิน 95 จึงทำให้เกิดการสึกหรอที่บ่าวาวล์มากขึ้น
3.      จากการใช้งานจริงอัตราการเร่งลดลงในช่วง 0 – 100 กม./ชม. ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเบนซิน 95  จึงเป็นเหตุให้ต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้น  ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นตามไปด้วย  เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น  เกิดการสึกหรอเร็วขึ้น
4.      การเติมเอทานอล ลงในเบนซิน 95 มีผลต่อคุณสมบัติบางประการของวัสดุประเภทยางที่ใช้เป็นระบบเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์มากกว่า
5.      การเติมเอทานอล ลงในเบนซิน 95 มีผลต่อคุณสมบัติบางประการของวัสดุประเภทพลาสติก ที่ใช้เป็นระบบเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์
6.      อัตราการกินน้ำมันของรถ เปรียบเทียบระหว่าง แก๊สโซฮอล์ 95 กับ เบ็นซิน 95 จากการใช้จริง
      ก่อนหน้านี้ เติมเบ็นซิน 95 จำนวน 40 ลิตร วิ่งได้ระยะทาง = 400 กม.
เบ็นซิน95 จำนวน  40 ลิตร ราคาลิตรละ 23.34 บ. เป็นงิน  =  933.60  บาท

ปัจจุบัน เติมแก๊สโซฮอล์95 จำนวน 40 ลิตร วิ่งได้ = 360 กม.
แก๊สโซฮอล์95 จำนวน 40 ลิตร ราคาลิตรละ 21.84 บ. เป็นเงิน =  873.60 บาท

ดังนั้นการเติมแก๊สโซฮอล์95   ประหยัดเงิน (เท่ากับ 933.60 - 873.60)        =   60 บาท
แต่...                                  ระยะทางจะหายไป   (เท่ากับ 400 – 360)     =   40  กม.
 
(ต้องเติม แก๊สโซฮอล์95 เพิ่มอีก 4.44 ลิตร จึงจะวิ่งได้ 400 กม.  = เติมเบ็นซิน95  จำนวน 40 ลิตร)

สรุป ต้องเติมแก๊สโซฮอล์95 จำนวน 44.44 ลิตร เป็นเงิน = 44.44x21.84 = 970.57 บาท 

ผลต่างคือ : ระยะทาง 400 กม.  เติมแก๊สโซฮอล์95 =  970.57 บาท 
                ระยะทาง 400 กม.  เติมเบ็นซิน95       =  933.60 บาท
 
กลายเป็นว่าต้องเสียเงินเพิ่ม 36.97 บาท จากการเติมแก๊สโซฮอล์95 เพื่อที่จะให้วิ่งได้ 400 กม. (เท่ากับเติมเบ็นซิน 95)
 
บทสรุป 
 
" ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราว่าจะเลือกใช้อย่างไหน แต่ทั้งสองอย่างก็มี  ข้อด้อย  ข้อดี
แตกต่างกันไป "   หากมีข้อสงสัย หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม  ติดต่อ
 
สำนักงานคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติ  โทร.  0 2354 1648-51  โทรสาร  0 2354 1647 หรือ
 
บริษัท เชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด
ศูนย์บริการลูกค้าบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด โทร. 0-2262-7700 กด 2
 
การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย
http://www.pttplc.com/th
 
บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
210 สุขุมวิท 64 บางจาก พระโขนง กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2335-4999 โทรสาร 0-2335-4009
ศูนย์บริการลูกค้าบางจาก โทรศัพท์ 0-2745-2440-4

 
[ ส่งหน้านี้ให้เพื่อน ]                          
 


  รายการบทความ
สารพัน.ยางรถยนต์... ควรรู้ ..
ทำอย่างไร..เมื่อต้องขายรถตัวเอง ..
10 สัญญาณเตือนภัยของรถคุณ ..
ยางระเบิด ..ปัญหาร้ายแรงที่สุดขณะขับรถ ..
การดูแลรักษาเครื่องยนต์..ระยะเวลา/ระยะทาง ..
เกร็ดความรู้เ....มื่อขับรถยนต์ลุยน้ำ ..
ความรู้เรื่อง ...น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ..
เกร็ดความรู้น้ำมันเครื่อง... เรื่องมาตรฐานน้ำมันเครื่อง ..
ความรู้เรื่อง ..น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ..
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับ...รถควันดำ ..
การทำงานของ...แบตเตอร์รี่ ..
เกร็ดความรู้...เกียวกับน้ำมันเครื่อง ..
การขับรถยนต์ให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ..
ภัยที่เกิดขึ้นจากขวดนำดื่มในรถ ..
การดูแลรักษารถกับการเตรียมพร้อมเมื่อเข้า...ฤดูฝน ..
ดูทั้งหมด »