BenzSociety ศูนย์รวมพลคนรัก Benz

                                  www.benzsociety.com
 
HomeBenz ShoppingBenzSociety ShowBenz Option ClassifiedsWebboardOffice
Import CarsShow RoomCar Service •  Wheels & Tires  •  Car stereoHome/CondoGolf Society Benz TravelEntertainment
          » ความเป็นมาของ Benz » ประวัต...


  ประวัติความเป็นมาของ MERCEDEZ-BENZ ตระกูล E-Class
    [ 27/02/2009 ] - [ 12940 ]
 

 

ประวัติความเป็นมาของ MERCEDEZ-BENZ ตระกูล E-Class

MERCEDES-BENZ ตระกูล E-class ถือกำเนิดครั้งแรกในบอดี้  “ W 120 กับ W 121 ” ระหว่างช่วงปี 1953 - 1962 ซึ่งบ้านเรารู้จักกันในนามของ BENZท้ายมน หรือบางท่านอาจจะเรียกว่า หลังเต่า เพราะช่วงหลัง ก็จะมี BENZท้ายมนอีกชุดสำหรับ BENZ ชุดนี้รับภาระต่อจาก BENZ 170 หรือคนสมัยนั้นเรียกเป็นรุ่น  “ อัลคาโปน ” เพราะบังโคลนรถจะมีขนาดใหญ่ และยาวมาถึงบันได ข้างรถ ซึ่เวลาดูหนังพวกอัลคาโปนเค้าจะใช้เป็นที่กราดปืนกลมือ
            E-class ยุคบุกเปิกนั้นมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น แชสซีส์ จะเป็นรูปตัว Y เพิ่มความแข็งแรงและรองรับแรงปะทะ ได้ดีซึ่ง BENZ ไม่เคยพูดถึง แต่คนที่มาเลียนแบบภายหลังกลับโฆษณาใหญ่โต ยังกับว่าเป็นคนค้นคิดขึ้นมาเองงั้นแหละ นอกจากนี้ยังเป็นรถ BENZ รุ่นสุดท้ายที่ใช้กระทะล้อขอบ 13 นิ้ว ต่อจากนั้นก็หันมาใช้กระทะขอบ 14 นิ้ว เป็นพื้น จนตอนหลัง ขยับมาเป็น 15 และ 16 นิ้ว  สำหรับเจ้า BENZ  W 120 กับ W 121 รุ่นสุดท้ายตัวกันชนใหญ่เป็นพิเศษ  ส่วนในยุคที่ 2 เป็นตัว W 110  ซึ่งบ้านเราเรียกกันว่า BENZ ท้ายยกหรือว่า BENZ หางปลา อยู่ระหว่างช่วงปี 1961 – 1968 ในบ้านเราจัดว่าเป็นรถยอดนิยมโดยเฉพาะพวกแท็กซี่ป้ายดำทางใต้จะชื่นชอบเป็นพิเศษ เนื่องจากความแข็งแรงทนทานสมบุกสมบัน บรรทุกชองได้เยอะจุใจ

E-class ยุคที่ 3 BENZ W 114 และ W 115 ช่วงปี 1968 – 1976 ซึ่งบ้านเราเรียกกันว่า BENZ ตัวถังเล็ก หรือ BENZ ทับแปด

 

เนื่องจากรหัสตัวถังจะมีเลข “ /8 ” ติดเอาไว้ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าส่วน E-class

ยุคที่ 4 นี่ก็ยอดนิยมสุด ๆ คือตัว W 123

ในช่วงปี 1976 – 1985 ที่บ้านเรามักเรียกกันว่ารุ่นไฟนอน หรือ รุ่น ตาหวาน เพราะรุ่นทับแปดนั้นไฟหน้าจะเป็น ไฟตั้ง และรถ BENZ ที่ประกอบในบ้านเรามีราคาชนล้านเป็นครั้งแรกก็ในบอดี้ W123 นี้แหละด้วยรุ่น 230 E ปี 1983 ความฮิตของ W 123 มาติดลมบนเอาเมื่อมีการนำรถเก่ามาจากอังกฤษ และ เยอรมัน เข้ามาจำหน่ายในราคาที่เป็นกันเอง ไม่ยากต่อการจับจอง เป็นเจ้าของทำให้คนที่มีรถ BENZ ใช้เป็นครั้งแรกจำนวนมากก็เริ่มต้นด้วยรถเก่านำเข้า W 123 รุ่นนี้เอง...

E-class ยุคที่ 5 ระหว่างปี 1985 – 1995 ก็คือ W124 ที่รู้จักกันดีในชื่อของ BENZ โลงจำปา

 จุดเปลี่ยนแปลงของบอดี้นี้อยู่ช่วงปี 1993 ที่มีการเปลี่ยนเครื่องเปลี่ยนรหัสเอาตัว E มาอยู่นำหน้าเลข แต่ตัว E 220 และ E 280 รุ่นแรกทางบริษัท ยังทำไม่ทันใครซื้อตอนนั้นก็จะได้หน้าเก่าไปก่อนแล้ววันไหนว่าง ๆ ค่อยเอากลับเข้ามาบริษัทเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนไฟได้ฟรี  มาถึง

ยุคที่ 6 ช่วงปี 1995 – 2001 W 210 ที่เรียกกันว่า BENZ ไฟกลม

 มีรูปทรง หน้าตาลู่ลมมากขึ้น  ได้ค่า  CD  อยู่ที่  0.27  เท่านั้นเอง  ตลอดระยะเวลา ที่เจ้าไฟกลมออกมา ก็มีการปรับเปลี่ยนต่าง ๆ นาน ทั้งเครื่องยนต์ และตัวถังในสไตล์ไมเนอร์เชนจ์ แต่ที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือ การหันมาคบกับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ Common Rail ระบบ Direct Injection ในปี 1998 ซึ่เครื่องชุดนี้ได้แพร่พันธุ์ไปใน BENZ รุ่นต่าง ๆ ทั้งเก๋ง ทั้งแวน รถตู้ MPV รถลุยตลอดจนพรรคพวกร่วมน้ำสาบานอย่าง JEEP หรือ CHRYSLER ก็หยิบยืมเอาเครื่องดีเซลชุดนี้มาใช้ และ ตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นไป BENZ ก็ติดตั้งระบบ ESP   (  Electronic Stability Program  ) โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ในที่สุดก็เป็นหน้าที่ของ  E-class ยุคที่ 7 W 211

 

เข้ารับหน้าที่ต่อในปี 2001 ซึ่งบ้านเราก็ได้โชว์ตัวให้เห็นหน้าตากันเมื่อเดือน มิถุนายนปี 2002 นี่เองโดยชุดแรกนี้จะเป็นรถนำเข้าก่อน ต่อจากนั้นก็ประกอบในบ้านเรา ซึ่งตอนนี้มีให้เลือกคบหาได้ 2 รุ่น ด้วยกัน คือ E 220 CDI Classic และ E 240 2.6 Avantgarde  ถ้ามองกันอย่างผิวเผินแล้ว ก็ไม่ต่างจากรุ่นไฟกลมที่แล้วซักเท่าไหร่ แต่เมื่อได้พิจารณาอย่างใกล้ชิดจะพบว่ามีข้อแตกต่างกันเยอะ  ตั้งแต่รูปทรงของไฟหน้าที่เป็นแบบ 2 ดวง ก็มีการปรับปรุงให้รูปทรงทันสมัยดูหวือหวากว่าเดิม

จากการเพิ่มฝาครอบไฟหน้าเป็นพลาสติกใส ดวงโตเป็นไฟใหญ่ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ตอน ด้านล่างเป็นไฟหน้าแบบเลนซ์มีขนาดไม่โตนักใช้หลอดไฟ  BI – Xenon  ด้านบนเป็นไฟเลี้ยวขาวหลอดเหลืองส่วนไฟดวงเล็ก ๆ ด้านข้างเป็นไฟหรื่ ซึ่งจะติดตลอดเวลาที่เปิดไฟหน้ากระจังหน้าเคลือบดำเงาลาย 5 แถบมีคิ้วโครเมี่ยมล้อมรอบกันชนสีเดียวกับตัวรถมีคิ้วโครเมี่ยมเส้นเล็กแปะคาดเอาไว้  บริเวณชายกันชนด้านข้างจะมีไฟตัดหมอกติดมาให้ใช้งานกันด้วยกระจกหน้าเอนลาดค่อนข้างเยอะ ตัวกระจกกว้าง ถ้ามองที่ส่วนบนของกระจกจะเป็นเซ็นเซอร์วัดปริมาณน้ำฝนซึ่งใบปัดน้ำฝนจะทำงานเองโดยอัตโนมัติ ตัวใบปัดน้ำฝนเป็นแผ่นยางพร้อมเหล็กสปริงในตัวไม่มีโครงด้านนอก...

 

ด้านข้างของตัวรถเป็นลักษณะ  “ หน้าต่ำหลังสูง ” ทรงลิ่มแหวกอากาศเส้นสายค่อนข้างจะหวือหวา  ดังนั้นถึงจะมีความยาว 4,818  มม. และกว้าง 1,822  มม. ที่จัดว่าเกือบจะเป็นรถขนาดใหญ่อยู่แล้วก็ยังมีความปราดเปรียวและดูแล้วตัวไม่โตเท่าไร ส่วนหลังคาโค้งมากหน่อยคนโดยสารจะได้มีส่วนเฮดรูมมากขึ้น กระจกมองข้างปรับระดับ และพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบไล่ฝ้า ส่วนกระจกทางฝากผู้โดยสารสามารถปรับมุมเอนลง ได้เมื่อ เข้าเกียร์ ถอยหลัง ด้านหลังของกระจกจะมีไฟฝังเอาไว้เป็นแถวเรียงกัน 3 ดวง สำหรับ ใช้เป็นไฟเลี้ยวพร้อมทั้งส่องลงพื้น มือเปิดประตูแบบดึงที่กำลังนิยมกันในตอนนี้ ด้านข้างตอนกลางจะมีคิ้วกันกระแทกสีรถขอบโครเมี่ยมเอาไว้ป้องกันการกระทบกระทั่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนชายล่างจะห่อหุ้มไว้ด้วยวัสดุสังเคราะห์ทำตัวเป็นเสกิร์ตข้างจัดสรรกระแสลมใต้ท้องรถและช่วยป้องกันตัวถังจากการกระเด็นของเศษหิน ประตูทั้งหน้า และ หลังมีขนาดของบานประตูค่อนข้างยาว โดยเฉพาะประตูหลังส่วนบนจะยาวเป็นพิเศษ ทั้งนี้คิดว่าส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการลดความกว้างของเสาหลังจะได้ไม่บดบังสายตามากนัก มุมเปิดประตูกว้างขวางช่วยเปิดทางเข้าออกจากรถให้สะดวกขึ้น

 

  กระจกหลังเอนลาดเยอะเหมือนกัน ตัวกระจกติดเอาไว้ด้วยเส้นลวดละลายฝ้า และ เสาอากาศวิทยุ บริเวณฝากระโปรงท้ายจะยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย ขอบเป็นสันและทำเป็นรูปโค้ง มีไฟเบรกดวงที่ 3 ติดเอาไว้ที่ขอบบนของฝากระโปรงท้าย ตัวไฟท้ายยังคงรูปสามเหลี่ยมเอาไว้และเป็นแบบชิ้นเดียว ไม่มีบางส่วนมาแปะไว้ที่ฝากระโปรงเหมือนรุ่นก่อน ลักษณะของไฟท้ายจะคล้าย กับรุ่น  C-class แต่ส่วนล่างและด้านข้างของไฟต่างกัน ตัว C-class  จะตัดตรงเป็นมุมแหลม แต่ตัว E-classทำเป็นรูปโค้งดูนุ่มนวลกว่า ด้านบนสุดของไฟเป็นสีแดงจะประกอบด้วยไฟเบรก LED 24 ดวงซึ่งในอนาคตไฟเบรกแบบนี้จะได้เห็นกันบ่อย เพราะ รถรุ่นใหม่จะรับสัญญาณไฟ เบรก จากรถคันหน้าเพื่อให้รถชะลอความเร็วอัตโนมัติ หากใช้ไฟเบรกหลอดธรรมดา อาจเจอปัญหาหลอดขาด แต่หากใช้หลอด LED การใช้งานก็อยู่ได้นานและการที่ไฟเบรกจะขาดพร้อมกันทั้ง 24 หลอดย่อมเป็นไปได้ยาก ส่วนไฟท้ายสีขาวที่ทำเป็น 2 ช่องอันบนจะเป็นไฟถอยหลังและอันล่างเป็นไฟเลี้ยว

 

 

และ  New E-Class  ใหม่ล่าสุดครับ

 
[ ส่งหน้านี้ให้เพื่อน ]                          
 


  รายการบทความ