โฉมโฉบเฉี่ยวขึ้น
     โฉมภายนอกได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมเล็กน้อย ส่งให้คูเป้หรูรุ่นนี้มีบุคลิกสปอร์ตสะท้อนความปราดเปรียวมากกว่ารุ่นเก่า ด้านหน้าประกอบด้วยฝากระโปรงใหม่ ดีไซน์ไลน์ตรงคมเด็ดเดี่ยว กระจังรูปทรงตัววี (V) สะท้อนไดนามิกมากขึ้น พร้อมกรอบโครเมียม และรูปทรงเรือนไฟมีเหลี่ยมคมโดดเด่นกว่าเดิม เบนซ์ระบุว่าไฟหน้าของคูเป้หรูขนาดใหญ่รุ่นนี้ เป็นเทคโนโลยีก้าวหน้าที่สุดในปัจจุบัน ไฟหลักใช้ชุด Bi-Xenon พร้อมระบบกระจายลำแสงชนิด Active เมื่อเข้าโค้ง และระบบช่วยไฟสูง (Adaptive Highbeam Assist)
     นอกจากนั้น ส่วนหน้ายังมีกันชนใหม่ ดีไซน์ช่องดักอากาศ 3 ส่วน โดย 2 ส่วนมุมข้างพร้อมไฟ LED สำหรับวิ่งกลางวัน ทำหน้าที่รับอากาศเข้าไประบายเบรกทั้ง 2 ข้าง  มุมด้านข้าง แตกต่างด้วยไลน์บอดี้คมเด่นชัดขึ้น สเกิร์ตมีขนาดใหญ่กว่าเดิม ขณะที่ล้อดีไซน์ลายก้านใหม่ ส่วนมุมบั้นท้าย มีพัฒนาการที่เรือนไฟใหม่ กันชนใหม่ และปลายท่อไอเสียชุดใหม่

ภายในหรูอีกระดับ
     ภายในห้องโดยสารได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมเช่นกัน โดยเพิ่มระดับความหรู ประณีต เอื้อความสะดวกผ่อนคลาย ขณะที่วัสดุตกแต่งล้วนมีคุณภาพระดับนำคลาส ชุดตกแต่งลายไม้ เป็นองค์ประกอบสะท้อนความหรูและรสนิยม ทำจากไม้ Burl walnut ออกแบบผิวมันวาว รุ่นเล็กใช้สีดำ และรุ่นท็อปใช้สีน้ำตาล เบนซ์ระบุว่าใช้ไม้ในยุโรปเพียงแห่งเดียว เพื่อให้สอดคล้องกับปรัชญาการรักษาป่าไม้เพื่อความยั่งยืนของธรรมชาติ
     เบาะพร้อมชุดตกแต่งหนังเกรดพรีเมียม มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Black premium leather, Savanna/cashmere premium leather, Ash/grey premium leather และ Sahara beige/black premium leather  ส่วนของพวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุมชนิด Multifunction หุ้มหนังผิวนุ่ม ได้รับการพัฒนาเพิ่มทั้งการดีไซน์รูปทรง และฟังก์ชันของแอร์แบ็ก

แรงแต่ประหยัดกว่าเดิม
     CL500 4MATIC (บางตลาด เช่น สหรัฐ ใช้ชื่อ CL550 4MATIC) เป็นรุ่นที่มีพัฒนาการมากที่สุด โดยเฉพาะขุมพลังใหม่ชนิด V8 ทวินเทอร์โบ พร้อมเทคโนโลยีนวัตกรรม BlueDIRECT ขนาด 4.7 ลิตร ความจุ 4663 ซี.ซี. ซึ่งน้อยกว่ารุ่นปัจจุบันที่มีขนาด 5.5 ลิตร แต่เป็นเครื่องระบบอัดอากาศธรรมดาไม่ใช่เทอร์โบ
      ขุมพลังพร้อมเทคโนโลยีนวัตกรรม รีดกำลังได้ 429 แรงม้า ที่ 5,250 รอบ/นาที แรงกว่ารุ่น 5.5 ลิตร 47 แรงม้า และแรงบิดเพิ่มจาก 391 ปอนด์-ฟุต เป็น 516 ปอนด์-ฟุต เรียกได้ระหว่าง1,800-3,500 รอบ/นาที ด้านความประหยัด เบนซ์ระบุว่ามีอัตรากินน้ำมันเฉลี่ยต่ำกว่ารุ่นเก่าคือรุ่น 5.5 ลิตร 10-15% ที่ 10.72 กม./ล. และปล่อยไอเสียลดลง 23% ที่ 224 ก./กม. สื่ออังกฤษระบุว่าอัตราปล่อยไอเสียดังกล่าวเท่ากับสปอร์ตขนาดเล็กอย่าง Ford Focus ST
     คุณสมบัติแรง ประหยัด และสะอาดขึ้นดังกล่าว เป็นผลมาจากระบบ BlueDIRECT เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงตรงแบบ Spray-guided direct gasoline injection พร้อมหัวฉีด Piezo และการจุดระเบิดแบบ Multi-spark ignition จากหัวจุดระเบิด 4 ตัว
ด้านสมรรถนะ ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.9 วินาที เร็วกว่ารุ่นปัจจุบัน 0.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้เท่าเดิมที่ 250 กม./ชม.  ระบบเกียร์ ใช้เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด รุ่นปรับปรุงใหม่ ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

รุ่นท็อป 510 แรงม้า
      รุ่นท็อป CL600 เบนซ์เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่มีรายละเอียด ใช้ขุมพลังเครื่อง V12 ทวินเทอร์โบ 5.5 ลิตร รีดกำลังได้สูงสุดเท่าเดิม 510 แรงม้า (517 PS) ที่ 5,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดเท่าเดิมเช่นกันที่ 612 ปอนด์-ฟุต เรียกได้ระหว่าง 1,800-3,500 รอบ/นาที ด้านสมรรถนะ เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.6 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้เท่าเดิมที่ 250 กม./ชม. อัตรากินน้ำมันเฉลี่ยค่อนข้างประหยัดหากเทียบกับคู่แข่งขุมพลังเท่ากันที่ 7.15 กม./ล. ระบบเกียร์ ใช้เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด รุ่นปรับปรุงใหม่ ส่งกำลังสู่ล้อหลัง ส่วนของกันสะเทือนพัฒนาจากชุดเดิม กันสะเทือนหน้าใช้ชุด 4-Link และกันสะเทือนหลังเป็นชุด Multi-Link  ชุดล้อ รุ่น CL500 4MATIC ใช้ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 18 นิ้ว และรุ่นท็อป CL600 ใช้ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่เช่นกัน ขนาด 19 นิ้ว

ผู้นำด้านไฮเทค
     สำหรับอุปกรณ์ก้าวหน้าที่เบนซ์ประกาศว่าคูเป้รุ่นนี้ยังรักษาตำแหน่งผู้นำคลาสไว้ได้ ที่สำคัญส่วนหนึ่งมีดังนี้  ระบบช่วยคนขับทำงานผ่านเรดาร์ กล้อง และเซ็นเซอร์ ประกอบด้วยระบบนวัตกรรม Active Lane Keeping Assist เป็นอุปกรณ์ออพชั่น โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Driver Assistance Package นำเสนอเป็นอุปกรณ์ของ CL-Class รุ่นแรก ทำหน้าที่ส่งแรงสั่นระยะสั้น ๆ ที่พวงมาลัยเตือนคนขับ เมื่อรถมีแนวโน้มจะคร่อมเลน 
     Active Blind Spot Assist เป็นระบบนวัตกรรมอีกชุดหนึ่ง ทำหน้าที่เตือนเมื่อจะเปลี่ยนเลนในสถานการณ์เสี่ยงการชน โดยระบบจะเตือนด้วยไฟแดงที่กระจกข้าง หากคนขับยังเพิกเฉย ระบบจะเตือนด้วยเสียง และในระดับสุดท้าย หากคนขับยังเสี่ยงจะเปลี่ยนเลน ระบบจะสั่งเบรกล้อตรงข้ามเลนที่จะเปลี่ยนอัตโนมัติ เพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ
      ระบบช่วยไฟสูง Adaptive High Beam Assist ทำหน้าที่ปรับลำแสงไฟหน้าไม่ให้รบกวนคนขับคันหน้าและคันสวนทางอัตโนมัติอุปกรณ์ PRE-SAFE Brake พร้อมระบบเบรกฉุกเฉิน ทำงานผ่านเรดาร์ ทำหน้าที่เบรกอัตโนมัติเมื่อคนขับเผลอและรถเสี่ยงชนรถคันหน้า และระบบ Active Body Control (ABC) ทำหน้าที่ควบคุมการโคลงตัวของบอดี้
      นอกจากที่ระบุ ยังมีอุปกรณ์ก้าวหน้าด้านความปลอดภัยอีกหลายรายการ ขณะที่อุปกรณ์สื่อสารและบันเทิงในห้องโดยสารก็เป็นเทคโนโลยีรุ่นก้าวหน้าที่สุดของเบนซ์
     ด้านการตลาด เบนซ์กำหนดจำหน่าย New CL-Class ในอังกฤษเดือนกันยายนนี้ ราคายังไม่ประกาศ ขณะที่สื่อท้องถิ่นคาดว่ารุ่น CL500 จะเริ่มต้นที่ประมาณ 90,000 ปอนด์ (4.40 ล้านบาท)   ส่วนลูกค้าตลาดอื่นทั่วโลก (ขายในสหรัฐเป็นรถรหัสปี 2011) จะได้ยลโฉม New CL-Class ภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้

 ข้อมูลสังเขป New CL500 4MATIC
ประเภท                                              คูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง
เลย์เอาต์                                            วางเครื่องหน้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ
เครื่องยนต์                                         V8 ทวินเทอร์โบ 4.7 ลิตร
ความจุ                                               4663 ซี.ซี.
กำลังสูงสุด                                        429 แรงม้า ที่ 5,250 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด                                      516 ปอนด์-ฟุต ที่ 1,800 รอบ/นาที
ระบบเกียร์                                         อัตโนมัติ 7 สปีด
อัตรากินน้ำมันเฉลี่ย                           10.72 กม./ล.
อัตราปล่อยไอเสีย                             224 ก./กม.
0-100 กม./ชม.                                 4.9 วินาที
ความเร็วสูงสุด                                  จำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.
กันสะเทือนหน้า/หลัง                        4-Link/Multi-Link
ล้อหน้า/หลัง                                     อัลลอย 18 นิ้ว
กำหนดจำหน่าย  (ในอังกฤษ)          กันยายน 2010
ราคาเริ่มต้น                                      90,000 ปอนด์ (4.40 ล้านบาท)