BenzSociety ศูนย์รวมพลคนรัก Benz

                                  www.benzsociety.com
 
HomeBenz ShoppingBenzSociety ShowBenz Option ClassifiedsWebboardOffice
Import CarsShow RoomCar Service •  Wheels & Tires  •  Car stereoHome/CondoGolf Society Benz TravelEntertainment
          » รถเด่นประจำสัปดาห์ » All-New Mercedes-Ben...


  All-New Mercedes-Benz SLK-Class หลังคาก้าวหน้าระบบ Magic Sky Control
    [ 12/07/2011 ] - [ 1398 ]
 

        ค่ายยานยนต์หรูแห่งเยอรมนีเปิดตัวสปอร์ตโรดสเตอร์เจเนอเรชั่นใหม่ ชูจุดขายด้วยหลังคานวัตกรรมระบบ Magic Sky Control ทำงานรวดเร็ว กำหนดขุมพลัง 2 รุ่นส่งขายตลาดโลก ระบุมีความประหยัดนำคลาส  All-New Mercedes-Benz SLK-Class เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 โมเดล R172 หน้าตาและเทคโนโลยีใกล้เคียงกับ New SLS AMG และ New CLS-Class ขุมพลังพัฒนาใหม่ โดดเด่นทั้งสมรรถนะและความประหยัด


โฉมคล้าย New CLS
        โฉมภายนอกมากับดีไซน์ All-New สำหรับ SLK-Class แต่เป็นดีไซน์ที่เบนซ์ใช้กับ New SLS AMG ซูเปอร์คาร์ประตูปีกนางนวล และ New CLS-Class มาก่อนแล้ว ขณะเดียวกันก็สืบทอดสัดส่วนคลาสสิกของตระกูล ประกอบด้วย ส่วนกระโปรงหน้ายาว ห้องโดยสารขนาดคอมแพ็ค และระยะยื่นจากล้อหลังสั้น
        ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังปีกเดี่ยวตั้งตรงขนาดใหญ่ พร้อมโลโก้ดาวตรงกลาง เรือนไฟสะท้อนเทคโนโลยีชั้นสูงและความทันสมัย ออกแบบ ไฟคิ้วŽ ชนิด LED ไว้ด้านบน และติดตั้งไฟวิ่งกลางวันชนิด LED ที่มุม 2 ข้างของกันชน ช่องระบายอากาศด้านข้าง ใช้กระจังแถบชั้นโครเมียม ออกแบบเป็นร่องลึกพร้อมไลน์หลักตรงยาวถึงซุ้มล้อขนาดใหญ่ด้านหลัง 
       ส่วนโฉมด้านท้าย สะท้อนบุคลิกสปอร์ตหรูทรงพลังและมีเสถียภาพ จากกันชนขนาดใหญ่ ฝากระโปรงทรงโค้งมีปลายยื่นเป็นสปอยเลอร์ขนาดเล็ก พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้ายใหม่พร้อมแถบไฟ LED
        การพัฒนาใหม่ ส่งให้ค่าสัมประสิทธิ์ต้านลมลดจากรุ่นปัจจุบัน 0.32 ลงไปอยู่ที่ 0.30


ภายในสไตล์ SLS AMG
      ภายในห้องโดยสาร ได้รับการพัฒนาด้วยหลักควบคุมคุณภาพทุกรายละเอียดตามมาตรฐานของเบนซ์ โดดเด่นด้วยวัสดุคุณภาพสูงกลมกลืนอยู่กับรูปลักษณ์สปอร์ตหรู คล้ายกับห้องโดยสารของซูเปอร์คาร์ SLS AMG   คอนโซลกลางตกแต่งด้วยอะลูมิเนียม มีชุดลายไม้วอลนัทสีน้ำตาลเป็นออพชั่น ช่องลมแอร์คอนดิชั่นทรงกลมเมแทลลิก 4 ชุด เป็นอุปกรณ์ติดตั้งเฉพาะสปอร์ตคาร์ของเบนซ์ รวมทั้ง SLS ออกแบบเรียงไว้หน้าคอนโซล  ส่วนเกจพื้นขาวขนาดใหญ่ 2 ชุด คั่นด้วยจอดิสเพลย์ของคอมพิวเตอร์ในรถ ขณะที่จอภาพสำหรับระบบข้อมูลและบันเทิง ติดตั้งไว้เหนือคอนโซลกลาง และพวงมาลัยสปอร์ตมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังหนานุ่มคล้ายกับ SLS และเบาะสปอร์ตหุ้มหนังคุณภาพสูง โดยมีชุดหนังสะท้อนแสงแดดช่วยลดอุณหภูมิเบาะเป็นออพชั่น
     

หลังคานวัตกรรม
       หลังคาเปิดประทุนฮาร์ดท็อป ซึ่งเบนซ์เรียกว่า Vario-roof มีโครงสร้างเบา ชุดมาตรฐานเป็นหลังคาโลหะสีเดียวกับบอดี้ ทำงานเปิดปิดรวดเร็วเพียงไม่กี่วินาที สั่งงานด้วยปุ่มในห้องโดยสาร  ส่วนออพชั่นมี 2 ชุด คือ ชุดหลังคากระจก panorama กรองแสงด้วยฟิล์ม และชุดกระจก panorama ควบคุมด้วยระบบ Magic Sky Control เบนซ์ระบุว่าเป็นหลังคานวัตกรรมผลิตใช้กับสปอร์ตหรูรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกของโลก
        สำหรับระบบ Magic Sky Control สั่งงานด้วยปุ่ม มีโหมดให้เลือกใช้ตามความต้องการ 2 โหมดคือ โหมดโปร่งแสงและทึบแสง ทำงานปรับระดับแสงเข้าห้องโดยสารรวดเร็วเมื่อกดปุ่มสั่งงาน  อุปกรณ์อีกอย่างที่เบนซ์ระบุว่าเป็นนวัตกรรม คือระบบ AIRGUIDE เป็นแผงพลาสติกพร้อมแกนหมุน ติดตั้งไว้หลังโรลบาร์ด้านหลังพนักพิงศีรษะ คนขับและผู้โดยสารสามารถกดปุ่มสวิงออกไปตรงกลางระหว่างเบาะเมื่อต้องการลดระดับแรงหมุนของลมในห้องโดยสาร
 

ขุมพลัง 2 รุ่น
       ส่วนของขุมพลัง เบนซ์จะจำหน่ายในตลาดส่วนใหญ่ 2 รุ่น คือ SLK 250 และ SLK 350 ทั้ง 2 รุ่นใช้เครื่องระบบจ่ายน้ำมันไดเรกต์อินเจคชั่น แรงกว่าเดิม ขณะที่ประหยัดกว่ารุ่นปัจจุบัน 25% โดย SLK 250 ใช้เครื่อง 4 สูบ เทอร์โบ รุ่นพัฒนาเพิ่มเติม ขนาด 1.8 ลิตร รุ่นเดียวกับขุมพลังของ New C-Class รุ่น C 250 ความจุ 1796 ซี.ซี. 201 แรงม้า 229 ปอนด์-ฟุต อัตรากินน้ำมันเฉลี่ย 11.50 กม./ล. ซึ่งเบนซ์ประกาศว่าเป็นอัตราประหยัดนำคลาส
       ด้านระบบเกียร์ ใช้เกียร์ธรรมดา 6 สปีด เร่งจาก 0-97 กม./ชม. ในเวลา 6.5 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
 ส่วน SLK 350 ใช้เครื่อง V6 พัฒนาใหม่ทุกองค์ประกอบ รุ่นเดียวกับขุมพลังของ C 350 ขนาด 3.5 ลิตร ความจุ 3498 ซี.ซี. รีดกำลังได้สูงสุด 302 แรงม้า (306 PS) และแรงบิด 273 ปอนด์-ฟุต (370 นิวตันเมตร) ใช้เกียร์อัตโนมัติ 7G-Tronic 7 สปีด
โดยเร่งจาก 0-97 กม./ชม. ในเวลา 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.


ขายยุโรป 3 รุ่น
       ส่วนตลาดยุโรป มีขุมพลังให้เลือก 3 รุ่น ทุกรุ่นใช้เครื่องระบบจ่ายน้ำมันไดเรกต์อินเจคชั่น และระบบ Stop/Start ประกอบด้วยรุ่น SLK 200 BlueEfficiency, SLK 250 BlueEfficiency และ SLK 350 BlueEfficiency
       SLK 200 BlueEfficiency ใช้เครื่อง 4 สูบ 1.8 ลิตร 184 แรงม้า มีอัตรากินน้ำมันประหยัดเฉลี่ยเพียง 16.40 กม./ล. ขณะที่ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุด 237 กม./ชม. ใช้เกียร์อัตโนมัติ 7G-Tronic 7 สปีด
      SLK 250 BlueEfficiency ใช้เครื่องรุ่นเดียวกับ SLK 200 BlueEfficiency แต่ได้รับการจูนเพิ่มเติม ส่งให้กำลังพุ่งขึ้นเป็น 204 แรงม้า ขณะที่กินน้ำมันประหยัดไม่แตกต่างกันนัก เฉลี่ยเพียง 16.13 กม./ล. ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.6 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุด 243 กม./ชม.
      ส่วนรุ่นท็อป SLK 350 BlueEfficiency ใช้เครื่อง V6 รุ่นเดียวกับ SLK 350 แต่ได้การพัฒนาเพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีด้านความประหยัด รีดกำลังได้สูงสุด 306 แรงม้า (PS) กินน้ำมัน เฉลี่ยเพียง 14.10 กม./ล. โดยเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.6 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.

เพิ่มคุณภาพช่วงล่าง

       สำหรับกันสะเทือนเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มสมรรถนะสปอร์ต โดยปรับอัตราสปริงและแดมเปอร์ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ใช้ชุดอิสระทั้งกันสะเทือนหน้าและหลัง
        กันสะเทือนหน้าใช้ชุดสตรัท คอยล์สปริง และช็อกแอบฯ แก๊สชนิดท่อเดี่ยว ส่วนกันสะเทือนหลังเป็นชุดมัลติลิงค์ คอยล์สปริง และช็อกแอบฯ แก๊สชนิดท่อเดี่ยว 
        ส่วนพวงมาลัย เป็นระบบ Direct-Steer แร็คแอนด์พีเนียนไฮดรอลิก พร้อมระบบพาวเวอร์  และชุดเบรกมาพร้อมเทคโนโลยี Torque Vectoring Brakes ทำหน้าที่ปรับแรงเบรกเพื่อคงเสถียรภาพตามสถานการณ์ เบรกหน้าใช้ดิสก์ชนิดมีช่องระบายอากาศขนาด 13.5 นิ้ว และเบรกหลังเป็นดิสก์ตันขนาด 11.8 นิ้ว ส่วนของล้อ ใช้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางหน้าขนาด 225/40 R18 และยางหลัง 245/35 R18

ยกระดับความปลอดภัย
       ด้านความปลอดภัย นอกจากชุดเบรกแล้ว ยังได้รับการยกระดับด้วยวัสดุและอุปกรณ์ทันสมัย โดยบอดี้พัฒนาใหม่ใช้อะลูมิเนียมผลิตบอดี้ด้านข้างและฝากระโปรงหน้า ส่วนอุปกรณ์ก้าวหน้าสำคัญที่เพิ่มเข้ามาใหม่ เป็นระบบช่วยคนขับ ได้แก่ Attention Assist ทำหน้าที่ตรวจจับอาการง่วงและเตือนคนขับก่อนจะเผลองีบหลับ
      นอกจากนั้นยังมีออพชั่นให้เลือกอีกหลายรายการ ประกอบด้วย Distronic Plus พร้อมระบบเบรก Pre-Safe ทำหน้าที่เบรกอัตโนมัติเมื่ออยู่ในสถานการณ์ต้องการความปลอดภัย
      Intelligent Light System ประกอบด้วยไฟ 5 ฟังก์ชัน คือ ไฟเข้าโค้ง ไฟวิ่งต่างจังหวัด ไฟมอเตอร์เวย์ ไฟขยายพื้นที่ส่องสว่าง และไฟเสริมไฟตัดหมอก โดยแต่ละฟังก์ชันจะทำงานอัตโนมัติตามสถานการณ์
      และ Speed Limit Assist ทำงานด้วยกล้องติดไว้ที่ขอบกระจกบังลมด้านใน ทำหน้าที่จับป้ายจำกัดความเร็วส่งข้อมูลเตือนคนขับที่จอระหว่างเกจ 
    

      สรุปเบนซ์จำหน่าย All-New SLK ที่เยอรมนีเป็นตลาดแรก โดยเปิดจองเมื่อ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ราคารวมภาษี VAT รุ่น  SLK 200 BlueEFFICIENCY เริ่มต้น 38,675 ยูโร (ประมาณ 1.55 ล้านบาท) รุ่น SLK 250 BlueEFFICIENCY เริ่มต้น 44,256.10 ยูโร (1.77 ล้านบาท) และรุ่นท็อป SLK 350 BlueEFFICIENCY เริ่มต้น 52,300.50 ยูโร (2.10 ล้านบาท)   จากนั้นค่ายตราดาวจะนำออกจำหน่ายตลาดสำคัญทั่วโลกกลางปีนี้ (จำหน่ายสหรัฐเป็นรถรหัสปี 2012)
    

ข้อมูลเบื้องต้น All-New Mercedes-Benz SLK 350
ประเภท                                                           เปิดประทุนฮาร์ดท็อป 2 ที่นั่ง
                                                             เลย์เอาต์ วางเครื่องหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง
เครื่องยนต์                                                      V6 ไดเรกต์อินเจคชั่น 3.5 ลิตร
ความจุ                                                                           3498 ซี.ซี.
กำลังสูงสุด                                                    302 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที
แรงบิด                                                            273 ปอนด์-ฟุต ที่ 3,500 รอบ/นาที
เกียร์                                                               อัตโนมัติ 7G-Tronic 7 สปีด
0-97 กม./ชม.                                                                 5.4 วินาที
ความเร็วสูงสุด                                               จำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.
กันสะเทือนหน้า                                             อิสระสตรัท คอยล์สปริง ช็อกแอบฯ แก๊ส
กันสะเทือนหลัง                                             อิสระมัลติลิงค์ คอยล์สปริง ช็อกแอบฯ แก๊ส
พวงมาลัย                                                       พาวเวอร์ แร็คแอนด์พีเนียน
เบรกหน้า                                                        ดิสก์มีช่องระบายอากาศ 13.5 นิ้ว
เบรกหลัง                                                        ดิสก์ตันขนาด 11.8 นิ้ว
ล้อหน้า/หลัง                                                                อัลลอย 18 นิ้ว
ยางหน้า-หลัง                                                 225/40 R18-245/35 R18
เปิดจองที่เยอรมนี                                                      มกราคม 2011
ราคาเริ่มต้น                                                   52,300.50 ยูโร (2.10 ล้านบาท)

 

 

 

 
[ ส่งหน้านี้ให้เพื่อน ]                          
 


  รายการบทความ
New C 63 AMG Coupe Black Series สมรรถนะโดดเด่นเทียบชั้นรถแข่งทัวริ่งคาร์ ..
Benz Brabus E V12 Cabriolet เปิดประทุน 4 ที่นั่งเร็วที่สุดในโลก ..
Mercedes-Benz SLS AMG
All-New Mercedes-Benz SLS AMG Roadster หลังคาซอฟต์ท็อปอัตโนมัติทำงานเร็วเพียง 11 วินาที ..
All-New Mercedes-Benz SLK-Class หลังคาก้าวหน้าระบบ Magic Sky Control ..
The New S-Class รถรักษ์สิ่งแวดล้อม ..
Mercedes-Benz E 250 CGI รุ่นเปิดประทุน ..
New Mercedes-Benz S63 AMG เพิ่มความร้อนแรงแต่ประหยัดขึ้น 25% ..
New Mercedes-Benz C 63 AMG ระบบความปลอดภัยเทียบชั้น S-Class ..
New MB CL63 AMG & CL65 AMG สปอร์ตหรูพลังดิบเครื่องทวินเทอร์โบ ..
Mercedes-Benz SLS AMG E-Cell
SL R230 Mclaren Version
W- 140 VIP.
W-210
W211 AMG E55
ดูทั้งหมด »