หลวงปู่ชื่น วัดตาอี ตำรับไสยเวทย์เขมรโบราณ
[ 18/04/2012 ] - [ 4266 ]
เป็นที่กล่าวขานกันมานานในเรื่องของไสยศาสตร์ที่สืบทอดต่อกันมาในหลายเกจิอาจารย์ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญในไสยเวทย์ของเขมร เพราะต่างเชื่อมั่นว่ามีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก จนทำให้หลวงปู่ชื่น แห่งวัดตาอี พระเกจิอาจารย์สายเขมรตัวจริง มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและผู้คนให้ความศรัทธากันทั่วหน้า ้้ห
ความเป็นมาของหลวงปู่ชื่น นามเดิมชื่อ ชื่น นามสกุล ศรีโสด เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 11 พ.ศ. 2461 เกิดที่บ้านหินกอง อำเภอหินกอง จังหวัดสวายศรีโสภณ ประเทศกัมพูชา โยมบิดาชื่อ นายชุบ โยมมารดาชื่อ พิม ศรีโสด มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 7 คน ครอบครัวมีอาชีพทำนาทำไร่ตามประสาชาวบ้านในชนบททั่วไปของชาวเขมร
สำหรับชีวิตในวัยเยาว์ของหลวงปู่ชื่นนั้น ท่านเป็นคนมีจิตใจชอบทำบุญ มีความสุขุมลุ่มลึก และมีใจโอบอ้อมอารีชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง ทั้งยังมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็ก ๆ พออายุได้ 15 ปี ได้ขอบิดามารดาบรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งพ่อแม่ไม่ขัดข้อง ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดในหมู่บ้านเกิดของท่าน
หลังจากบวชเณรได้ระยะหนึ่งพอถึงอายุ 20 ปีจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุได้รับฉายาว่า “ติคญาโณ” เมื่ออุปสมบทแล้วก็ได้ศึกษาบทสวดมนต์และบทสวดปาติโมกข์ ซึ่งใช้เวลาเพียงหนึ่งพรรษาก็สวดพระปาติโมกข์ได้แล้ว นับว่าหาพระที่เก่งเช่นนี้น้อยมาก เพราะการท่องบทพระปาติโมกข์พระบางรูปต้องใช้เวลานานนับ 5 ปี 10 ปี เนื่องจากเป็นบทสวดที่ยาวและยากที่สุด
ต่อมาหลวงปู่ชื่นสามารถสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในพรรษาที่ 3 หลังจากนั้นท่านจึงออกเดินธุดงค์ปลงสังขารลัดเลาะไปตามป่าเขาลำเนาไพร ข้ามเขาลงห้วยในดินแดนประเทศกัมพูชา ทำให้ท่านได้พบกับครูบาอาจารย์ที่เก่ง ๆ อยู่หลายรูป ซึ่งแต่ละอาจารย์ก็ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมที่ตนมีอยู่ให้จนหมดสิ้น โดยเฉพาะฤๅษีที่บำเพ็ญพรตอยู่กลางป่าดงดิบได้ถ่ายทอดวิชาขั้นสุดยอดให้อย่างไม่ปิดบัง
ทั้งนี้เพราะหลวงปู่ชื่นได้มองเห็นกาลไกลไปข้างหน้าว่าเวทวิทยาคมที่กำลังศึกษาอยู่นี้จะเป็นประโยชน์มากแก่การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทั้งยังได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติโยมและผู้เดือดร้อนต่าง ๆ ในอนาคตภายหน้าได้ จึงทำให้ท่านมุมานะพยายามศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจนสุดความสามารถ ตลอดจนศึกษาการนั่งสมาธิและเจริญวิปัสสนากรรมฐานควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มพูนพลังจิตให้แก่กล้าขึ้น
ในการศึกษาไสยศาสตร์นั้นที่เขากุเลน จัดเป็นศูนย์รวมเวทวิทยาอาคมชั้นสูง ที่เป็นฉบับแท้ดั้งเดิมของเขมรโบราณ อาจารย์องค์แรกของท่านคือ หลวงปู่เอื้อย และหลวงปู่ดี สุวรรณดี สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำ ทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์-ปาฏิหาริย์มากมายเป็นที่เลื่องลือกันมากในประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะหลวงปู่เอื้อยท่านมีเมตตาถ่ายทอดวิชาและเคล็ดลับต่าง ๆ ให้หลวงปู่ชื่นจนหมดสิ้น ซึ่งหลวงปู่เอื้อย ท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในเขมร ในเวลาต่อมาเมื่อหลวงปู่เอื้อยมรณภาพลง หลวงปู่ชื่นจึงออกเดินธุดงค์บุกป่าฝ่าดงดิบในดินแดนเขมรเพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์อีกมากมาย
ต่อมาท่านได้พบกับหลวงปู่ดี สุวรรณดี บน “เขากุเลน” ซึ่งท่านเป็นพระผู้มากด้วยอภิญญาญาณชั้นสูง และเป็นผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำมหัศจรรย์เหนือโลกโดยแท้ ด้วยบุญญาบารมีของ หลวงปู่ชื่น จึงทำให้หลวงปู่ดีรับท่านเป็นศิษย์ จากนั้นก็พากันออกเดินธุดงค์ไปด้วยกันตามสถานที่ต่าง ๆ หลวงปู่ชื่นได้ศึกษากรรมฐานและเวทวิทยาคมกับธาตุทั้ง 4 ตลอดจนเกร็ดเคล็ดลับการสร้าง-การปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องรางต่าง ๆ มากมาย
หลวงปู่ชื่นได้เมตตาเล่าให้ฟังว่าหลวงปู่ดี ท่านนี้เก่งมากมีความเชี่ยวชาญพระเวทแทบทุกชนิด สามารถเสกผ้าให้เป็นนกกระยางได้ และเสกใบไม้ให้เป็นต่อเป็นแตนได้ ที่สำคัญท่านสามารถล่องหนหายตัวและย่นระยะทางได้ ตลอดจนเดินบนผิวน้ำได้ ซึ่งหลวงปู่ดีท่านเคยแสดงให้ดูมาแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติธรรมสืบต่อกันไปนั่นเอง
หลังจากหลวงปู่ชื่น ธุดงค์ไปในที่ต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งท่านเดินทางไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนาราก อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ท่านอยู่ได้ 5 พรรษาจึงได้เดินธุดงค์ต่อเรื่อยไปจวบจนอายุท่านมากขึ้นกำลังวังชาถดถอย ท่านจึงอยู่กับที่ระยะหนึ่ง ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2524 จึงได้รับการชักชวนจากหลวงปู่นิล ให้มาอยู่ที่วัดตาอี ประกอบกับท่านมีอายุมากแล้วและชาวบ้านตาอีก็ได้นิมนต์ท่านไว้ไม่ให้เดินธุดงค์อีก นับตั้งแต่นั้นมาจึงได้อยู่จำพรรษาที่วัดตาอีเรื่อยมา
เมื่อมาอยู่ที่วัดตาอี ท่านได้เก็บตัวเงียบอยู่แต่ภายในกุฏิหลังเล็ก ๆ เหมือนพระหลวงตาแก่ ๆ ธรรมดา แทบไม่มีใครรู้เลยว่าท่านเป็นพระที่มีพลังจิตและมีอาคมเข้มขลังมาก จนกระทั่งกลางปี พ.ศ. 2542 หลวงปู่ชื่นได้บอกว่า ถึงเวลาที่ครูบาอาจารย์ท่านให้เปิดตัวแล้ว เพื่อนำความรู้เวทวิทยาคมที่ได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์พุทธศาสนิกชน และจัดสร้างถาวรวัตถุเพื่อการพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป
สำหรับการจัดสร้างวัตถุมงคลนั้นเพราะขาดปัจจัยในการก่อสร้างอุโบสถวัดตาอี ซึ่งผู้ที่นำวัตถุมงคลของท่านไปบูชาต่างมีประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งป้องกันอันตราย อุบัติเหตุ และเมตตามหานิยม โชคลาภ ค้าขายดีเยี่ยม โดยเฉพาะขุนแผนรุ่นต่าง ๆ ซึ่งรุ่นแรกจะเป็นขุนแผนมะรุมมะตุ้มที่สร้างขึ้นมาในปี 2543 แต่มีจำนวนน้อยมาก ต่อมาจึงได้สร้างรุ่น 2 ขึ้นมา อีกทั้งขุนแผนสะกดทัพ ขุนแผนชมตลาด และกุมารดูดรกก็มีชื่อ รวมไปถึงตุ๊กตามหาเสน่ห์ และตะกรุดต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่ปลุกเสกอย่างเข้มขลังตามตำรับเขมรโบราณ
เป็นที่น่าเสียดายกับหลวงปู่ชื่น ที่ต้องละสังขารไปก่อนเวลาอันควร ทั้ง ๆ ที่วัตถุมงคลของท่านกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก เพราะมีประสบการณ์จากปากต่อปากในเรื่องเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ที่ไม่เป็นรองใคร
ขอบคุณข้อมูลจาก อิทธิปาฏิหาริย์พระเครื่อง ย่านคลองสาน โทร.089-052-5456
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ WWW.ITTI-PATIHAN .COM
บรรยายภาพ
1. หลวงปู่ชื่น วัดตาอี
2.ขุนแผนมะรุมมะตุ้มรุ่น 2
3.ขุนแผนสะกดทัพเนื้อพิเศษ
4.ขุนแผนชมตลาด
5. พระปิดตา
6.ดวงตราอาถรรพณ์ชัยมหานาถ
7.ตุ๊กตามหาเสน่ห์
8.เหรียญรุ่นแรก |