หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง พระปฏิบัติอาคมขลัง วาจาสิทธิ์
[ 18/04/2012 ] - [ 13330 ]
เป็นที่ทราบกันดีของผู้ที่อยู่ในแวดวงพระเครื่อง ถ้าเอ่ยถึงเครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะตะกรุดมหาโสฬสมงคล จะเป็นอื่นไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้ท่านอย่างมาก พร้อมกับพระปิดตาก็เลื่องลื่อกันไปทั่ว เพราะต่างก็ได้รับประสบการณ์ในด้านปกป้องคุ้มกันภัยให้กับผู้ที่บูชาได้
สำหรับความเป็นมาของหลวงปู่เอี่ยม พอท่านอายุได้ 22 ปี ได้อุปสมบทที่วัดบ่อ ต. ปากเกร็ด จ. นนทบุรี ลุล่วงถึงปี พ.ศ. 2395 ( ช่วงรัชกาลที่ 4 ) จึงได้ย้ายมาอยู่วัดสว่างอารมย์ ( วัดสะพานสูง ) ต. บ้านแหลมใหญ่ ( ต. คลองพระอุดม ) อ. ปากเกร็ด จ. นนทบุรี ขณะนั้นมีพระ 2 รูปเท่านั้น ในระหว่างที่ย้ายมาอยู่วัดสะพานสูง ก็ได้ทำนุบำรุงวัดไม่ว่าจะเป็นการบูรณะพระอุโบสถและสังฆกรรม เนื่องจากสถานที่เดิมได้ชำรุดทรุดโทรมมาก จึงอยากจะสร้างให้เป็นถาวรสถานแก่วัดให้เจริญรุ่งเรือง
ดังนั้นจึงได้มีการบอกบุญเรี่ยไรหาเงินมา เพื่อก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ พร้อมกันนั้นหลวงปู่เอี่ยมได้เริ่มสร้างพระปิดตาและตะกรุดเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นของที่ระลึกแก่ผู้บริจาคทรัพย์และสิ่งของที่ใช้ในการก่อสร้างพระอุโบสถและถาวรสถาน ต่อมาก็ได้สร้างศาลาการเปรียญ และยังสร้างพระเจดีย์ฐาน ๓ ชั้นขึ้นอีก
ขณะที่หลวงปู่เอี่ยมได้มาอยู่วัดสะพานสูงนั้น ท่านได้ไปธุดงค์ไปทางแถบประเทศเขมร โดยมีพระลูกวัดติดตามไปด้วยเสมอ โดยจะให้พระลูกวัดออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ๖-๗ ชั่วโมง แล้วจะนัดกันไปพบที่แห่งใดแห่งหนึ่ง และในระหว่างนั้นท่านหลวงปู่เอี่ยมได้ไปพบชีปะขาวชาวเขมรท่านหนึ่งชื่อว่าจันทร์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีไสยเวทย์เข้มขลัง จึงทำให้หลวงปู่เอี่ยมขอเป็นศิษย์เพื่อเรียนวิชาอิทธิเวทย์ กับท่านอาจารย์ผู้นี้อยู่หลายปีจนแก่กล้า
จนกระทั่งชาวบ้านแหลมใหญ่นึกว่าท่านออกธุดงค์ไปได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้ว เนื่องจากหลวงปู่เอี่ยมไม่ได้กลับมาที่วัดกว่า 10 ปี จึงได้ทำสังฆทานแผ่ส่วนกุศลไปให้ ทำให้ท่านทราบในญาณเมื่อเป็นเช่นนั้นหลวงปู่เอี่ยมจึงได้เดินทางกลับมายังวัดสะพานสูง แต่การไปธุดงค์ครั้งนี้ได้ไปเป็นเวลานาน และอยู่ในป่าจึงปรากฏว่าท่านไม่ได้ปลงผม ผมจึงยาวถึงบั้นเอว หนวดท่านยาวเฟิ้ม และจีวรก็ขาดรุ่งริ่ง พร้อมมีสัตว์ป่าติดตามหลวงปู่เอี่ยมมาด้วย อาทิเช่น หมี, เสือ, และงูจงอาง ฯลฯ
และจากการเจริญกัมมัฎฐาน จึงทำให้หลวงปู่เอี่ยมสำเร็จ "โสรฬ" และจากการเชี่ยวชาญวิชากัมมัฎฐานนี้เอง มีเรื่องเล่ากันว่าบริเวณหน้าวัดมีต้นตะเคียนต้นหนึ่งมีน้ำมันตกและดุมากเป็นเกรงกลัวต่อชาวบ้าน หลวงปู่เอี่ยมจึงได้มายืนเพ่งอยู่ ๒-๓ วันเท่านั้นต้นตะเคียนต้นนั้นก็เฉา และยืนต้นแห้งตาย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะหลวงปู่เอี่ยมท่านมีอาคมขลังและวาจาสิทธิ์ มักน้อย สันโดษ นี้เองทำให้ท่านหลวงปู่เอี่ยมมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งชาวบ้านและเจ้านายผู้ใหญ่ในพระนครนับถือท่านมาก
ในด้านวัตถุมงคลนั้น หลวงปู่เอี่ยมได้สร้างพระปิดตาอันลือลั่น และตะกรุดมหาโสรฬมงคล ซึ่งหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสุมทร และสนนราคาค่างวดสูงมาก โดยพระปิดตา ซึ่งเริ่มสร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๙๖ เพื่อแจกเป็นของชำร่วยแก่ผู้บริจาคสร้างถาวรสถานของวัด
สำหรับพระปิดตานั้นได้สร้างไว้ ๓ พิมพ์ คือพิมพ์พนมมือหลังแบน พิมพ์ตะพาบ และพิมพ์พนมมือสองหน้า ทั้ง ๓ พิมพ์นี้เป็นเนื้อเดียวกันคือคลุกรัก จุ่มรัก ต่อมาจึงมาสร้างตะกรุดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๙ มีอยู่ด้วยกัน คือเนื้อตะกั่วถ้ำชา กับเนื้อทองแดง การสร้างตะกรุดก็เพื่อแจกแก่ผู้มาทำบุญสร้างศาลาการเปรียญและเจดีย์
ทางด้านอานุภาพของตะกรุดนั้นครอบคลุมทุกด้าน ซึ่งผู้ใดมีไว้หากหมั่นบูชากราบไหว้ด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่นจะเป็นสิริมงคงแก่ตัวและวงศ์ตระกูลและพ้นจากภับพิบัติต่าง ๆ ชีวิต จักไม่ตกต่ำเป็นมหามงคลยิ่งใหญ่มีเมตตามหานิยม , เจริญลาภผล จังงัง , กำบังภัย , แคล้วคลาด , คงกระพันชาตรี , บำบัดและป้องกันเจ็บไข้ เสนียดจัญไร โจรภัยกันไฟ พ้นจากศัตรูหมู่สัตว์ร้าย หรืออย่าว่าแต่ปืนผาหน้าไม้เลยแม้แต่ฟ้าผ่าก็ยังกันได้
พร้อมกันนั้นยังสามารถแจ้งเหตุการณ์ให้ทราบก่อนล่วงหน้า ดลใจในทางที่ถูกที่ควร ถ้าอยู่ในบ้านเรือนบูชาก็จะเป็นศิริมงคล แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้มีไว้ครอบครองได้สัมฤทธิ์ผล แห่งเดชานุภาพทั้งปวงนั้น คือจะต้องปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลธรรม
และเมื่อถึงเวลาที่หลวงปู่เอี่ยมจะมรณภาพด้วยโรคชรา ทางลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดคอยอยู่ปรนนิบัติท่านหลวงปู่เอี่ยมได้ถามว่า "ท่านอาจารย์มีอาการเต็มที่แล้วถ้ามีอะไรก็กรุณาได้สั่งและให้ศิษย์ไว้เป็นครั้งสุดท้าย" ซึ่งท่านหลวงปู่เอี่ยมก็ตอบว่า "ถ้ามีเหตุทุกข์เกิดขึ้นให้ระลึกถึงท่านและเอ่ยชื่อท่านก็แล้วกัน"
หลวงปู่เอี่ยมได้มรณภาพ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๙ รวมอายุท่านได้ ๘๐ ปี บวชได้ ๕๙ พรรษา มรณภาพด้วยโรคชรา และท่านหลวงปู่เอี่ยมได้ถ่ายทอดวิชาให้กับลูกศิษย์ก้นกุฎิของท่านไว้ คือหลวงปู่กลิ่น กับอาจารย์แปลก ร้อยบาง และในขณะที่หลวงปู่เอี่ยมมรณภาพ หลวงปู่กลิ่นมีอายุได้ ๓๑ ปี และได้ปกครองวัดต่อมาจากหลวงปู่เอี่ยม
กับหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูงนั้น ท่านเป็นเกจิอาจารย์ผู้เน้นการปฏิบัติเป็นนิจสินจนมีความแก่กล้าในทุก ๆ ด้าน ดังนั้นตะกรุดกับพระปิดตา จึงสามารถสำแดงอานุภาพให้เป็นที่ประจักษ์มาจนถึงทุกวันนี้
บรรยายภาพ
1.หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง
2.ตะกรุดมหาโสฬสเนื้อตะกั่วถ้ำชา
3.ตะกรุดมหาโสฬสเนื้อทองแดง
4.พระปิดตาพิมพ์ตะพาบเนื้อผงคลุกรัก
5.พระปิดตาพิมพ์พนมมือสองหน้า
6.ตะกรุดมหาโสฬสมงคลหลายขนาด
|