• |
• |
• |
• |
• |
• |
Import Cars • Show Room • Car Service • Wheels & Tires • Car stereo • Home/Condo • Golf Society • Benz Travel • Entertainment |
ข่าวเด่น : |
|
สภาผู้ส่งออกเรียกร้องแบงค์ชาติควบคุมค่าเงินบาทไม่ใ หน้าแรก » สัมภาษณ์/Interview » สภาผู้ส่งออกเรียกร้องแบงค์ชาติควบคุมค่าเงินบาทไม่ใ |
2-กันยายน | 754 |
|
สภาผู้ส่งออกเรียกร้องแบงค์ชาติควบคุมค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่ากว่า 34.50 บาท/USD !!! นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออก แถลงข่าวร่วมกับนายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งออก และนายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อ านวยการบริหารสภาผู้ส่งออก ถึงสถานการณ์ส่งออกในเดือนพฤษภาคม 2559 ณ ห้องประชุม 1 สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย อาคารลุมพินีทาวเวอร์ ถนนพระราม 4 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2559 ว่า แม้ทิศทางราคาทองค าในตลาดโลกในช่วงครึ่งแรกของเดือนกรกฎาคมจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส าคัญ ส่งผลให้การส่งออกทองค ายังไม่ขึ้นรูป ขยายตัวถึง 457.1% หรือคิดเป็นมูลค่า 841 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่การส่งออกในเดือนกรกฎาคม 2559 มีมูลค่าเพียง 17,415 ล้าน เหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัวที่ -4.43% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออก 7 เดือนแรกของปี 2559 มี มูลค่า 122,553 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือหดตัว -2.00% (ข้อมูลจากการแถลงข่าวโดยกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2559) ทั้งนี้ การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่ตกต่ าลงอย่างต่อเนื่อง แม้ราคาน้ ามันในตลาดโลกจะเริ่มดีดตัวสูงขึ้น ตั้งแต่ต้นปี 2559 เป็นต้นมา แต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกหลายรายการยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง อาทิ ข้าวสาลี น้ าตาล ไก่ เป็น ต้น ขณะที่ราคาสินค้ากุ้งยังคงทิศทางทรงตัว โดยในส่วนของสินค้าที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้นประกอบไปด้วย ปลา ฝ้าย ยางพารา และเหล็ก เป็นต้น อนึ่ง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ได้ออกรายงาน World Economic Outlook หรือ WEO ฉบับล่าสุดใน เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยปรับลดการเติบโตของเศรษฐกิจโลกลงจาก 3.2% เป็น 3.1% โดยคาดว่าเศรษฏกิจของกลุ่มประเทศพัฒนา แล้วจะเติบโตลดลงจาก 1.9% มาอยู่ที่ 1.8% ขณะที่ประเทศก าลังพัฒนาและตลาดใหม่จะเติบโตในอัตราเดิมที่ 4.1% อย่างไรก็ตาม หากปัจจัยลบมีความชัดเจนและทวีความรุนแรงมากขึ้น อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและเติบโตเพียง 2.8% โดยประเทศพัฒนาแล้วเติบโตได้แค่ 1.4% ขณะที่ประเทศก าลังพัฒนาอาจเติบโตได้เพียง 3.9% เท่านั้น อนึ่ง สถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยน ถือเป็นปัจจัยหลักอีกประการต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการส่งออกของหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาการส่งออกของประเทศญี่ปุ่นหดตัวถึง -14% เนื่องจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นกว่า 15.04% นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 ที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นประมาณ 4.41% ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ค่าเงิน ด่องของเวียดนามอยู่ในภาวะทรงตัว และคู่แข่งส าคัญอื่นๆ อยู่ในภาวะแข็งค่าน้อยกว่าเงินบาท ดังนั้น หากประเทศไทยไม่มีการควบคุม ให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่เหมาะสม จะส่งผลให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นเดียวกัน สภาผู้ส่งออกจึงเรียกร้องให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินมาตรการเพื่อพยุงให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับ 34.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ สำหรับสถานการณ์การส่งออกของประเทศไทยมีปัจจัยใหม่ที่เข้ามากระทบคือ การที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO จัดให้ ประเทไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงและมีการแพร่ระบาดของไวรัสซิกาและโรคเมอร์ส ส่งผลให้ประเทศจีนก าหนดให้สินค้าจาก ประเทศไทยที่ขนส่งเข้าไปในประเทศจีนต้องมีการปฏิบัติตามระเบียบที่ก าหนดเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีแมลงซึ่งเป็นพาหะของโรคติดไปกับ ตู้บรรจุสินค้า และกลายเป็นต้นทุนส่วนเพิ่มของผู้ส่งออกไทยในการขายสินค้าไปยังประเทศจีน โดยสรุปแล้ว การส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัจจัยลบส าคัญประกอบไปด้วยการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ปัจจัยบวกได้แก่การดีดตัวของราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์บางรายการ อาจไม่สามารถ ช่วยให้การส่งออกไทยพลิกกลับมาได้มากนักในปีนี้. |
|